นานาทัศนะเรื่องภัยพระศาสนาของผู้อยู่ในวงการดงขมิ้น

0
124

มีข่าวการอภิปรายวิชาการในงานฉลองอายุครบ ๖๑ ปี ของพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส อธิการบดีมจร. และกรรมการมหาเถรสมาคม

ซึ่งก็มีผู้มีชื่อเสียงทั้งพระและฆราวาสมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
สิ่งที่น่าสนใจคือ บทวิพากษ์เรื่องภัยของพระศาสนาที่ผู้มีคุณวุฒิแต่ละคนนำมาวิพากษ์วิจารณ์ให้คนในงานและสื่อได้รับรู้

จักยกมาให้ท่านทั้งหลายได้เห็นถึงมุมมองของผู้มีวุฒิแต่ละระดับ ของวลีแต่ละท่าน ซึ่งใครจะอยู่ในระดับไหน สูงต่ำกันอย่างไร ก็วิพากษ์วิจารณ์กันเอาเอง

เริ่มต้นจากบทวิพากษ์ของพระมหาเถระรูปหนึ่ง คือ พระธรรมพุทธิมงคล เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ท่านได้กล่าวว่า

————————————————————
พระธรรมพุทธิมงคล :

การปฏิรูปกิจการด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ต้องมีเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการที่จะทำให้คนรักพระพุทธเจ้า จะต้องทำให้คนรู้ว่า พระพุทธองค์ได้ทำความดีอะไรเพื่อมนุษยชาติและพระพุทธศาสนาบ้าง นี่คือหลักการง่าย ๆ ของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เมื่อคนเห็นความดีคนก็จะมีความรัก แต่ศาสนิกชนในพระพุทธศาสนายังขาดการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว หากพุทธศาสนิกชนยึดความดีได้เห็นคุณค่าของพระรัตนตรัยอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้พุทธศาสนิกชนยึดมั่นในศาสนา ไม่หวั่นไหวไปกับกระแสต่าง ๆ
————————————————————
พุทธะอิสระ :

ความเห็นของพุทธะอิสระในบทวิพากษ์ของพระเดชพระคุณพระธรรมพุทธิมงคล เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์ ความว่า

พุทธะอิสระเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งต่อการที่จะเผยแผ่พระเกียรติคุณ พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระเมตตาคุณ ขององค์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ขจรขจายกว้างไกล ให้โลกได้รับรู้กันทั่ว

และเผยแผ่พระธรรมคำสอนที่ถูกตรงต่อพระพุทธธรรมคำสั่งสอน ให้เป็นที่ยอมรับและน้อมนำมาปฏิบัติในชีวิตประจำวันของพุทธบริษัทได้อย่างมีคุณภาพ

ทั้งต้องควรพยายามหามาตรการมาควบคุมดูแลพฤติกรรมของผู้ที่เรียกตนเองว่าเป็นพระสงฆ์สาวก ให้ปฏิบัติถูก ปฏิบัติตรงตามหลักพระธรรมวินัย

พร้อมทั้งต้องหามาตรการคุ้มครองป้องกันพระธรรมวินัยนี้มิให้ถูกบิดเบือนย่ำยี และถูกนำมาเป็นเครื่องมือหากินของใครๆ ได้อีก

————————————————————
ด้าน ผศ.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ภาคสมาชิกสาขาวิชาศาสนศาสตร์ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา กล่าวว่า

ขณะนี้คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนต้องตื่นรู้ภัยของพระพุทธศาสนา หากใช้วิธีการเผยแผ่แบบเดิมจะไม่สามารถปกป้องพระพุทธศาสนาในประเทศไทยได้ เราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้สถานการณ์ของพระพุทธศาสนาไม่ถูกรุกรานด้วยกฎหมาย ซึ่งขณะนี้วัดของพระพุทธศาสนาถูกไล่ต้อนทุกเรื่อง เช่น พระอนุรักษ์ป่าต้องสึก ต้องติดคุก เป็นต้น ดังนั้น ฆราวาส ต้องช่วยกันทำให้พระสงฆ์ โดยเฉพาะกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ตื่นรู้ให้ได้ โดยเฉพาะการปฏิรูปกิจการด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ที่จะต้องปรับบทบาทครั้งใหญ่ ควรมีการทำงาน 3 ด้าน คือ 1. ปลุกพระ 2. สร้างสมาพันธ์เชื่อมชาวพุทธทั่วประเทศ และ 3. เชื่อมต่อระบบการเมืองด้วยการเข้าไปอยู่ในเวทีการเมือง รวมถึงหาแนวทางที่จะให้พระสงฆ์มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งได้ในอนาคต เพื่อใช้ระบบการเมืองมาเป็นเกราะปกป้องพระพุทธศาสนา เหมือนกับศาสนาอื่น ๆ.

————————————————————
พุทธะอิสระ:

อ่านคำวิพากษ์ของคุณบรรจบแล้วทำให้รู้สึกขนหัวลุก

หากวันนี้คุณบรรจบบอกว่าควรให้พระสงฆ์มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งได้ เช่นนั้นต่อไป พระสงฆ์ของคุณบรรจบก็คงจะตั้งพรรคการเมืองได้

อัยย่ะ.. แทบไม่อยากจะคิดเลยว่าอนาคตของพระพุทธศาสนาจะกลายเป็นพรรคการเมืองไปด้วยไหม

และเมื่อลงคะแนนเลือกตั้งได้ ต่อไปก็คงลงสมัคร สส. สว.ได้ด้วยหรือเปล่าคุณบรรจบ

เอาที่พวกคุณชอบใจก็แล้วกัน ไหนๆ พวกคุณก็มีมากอยู่แล้วนี่

จะลากกันไปลงคะแนน หรือจะลากกันไปลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือจะลากกันไปจัดตั้งพรรคการเมืองก็เอาที่สบายใจแล้วกัน

แต่ยังไงๆ ก็ควรบอกด้วยนะว่ามาจากนิกายไหน

สังคมจะได้เลือกกราบ เลือกไหว้ เลือกใส่บาตรได้ถูก

ข่าวจาก: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับลงวันที่ 19 กันยายน 2559