และแล้วเขาก็ทำได้แค่ให้ออกไปหาวัดอื่นอยู่เท่านั้น

0
1066

ชาวบ้านทนไม่ไหว ขับไล่เจ้าอาวาสวัดลำพญา หลังมีพฤติกรรมเชิงชู้สาวกับสีกา
วันที่ 15 ก.ย. 2559 เวลา 07:09 น

ชาวบ้านในจังหวัดนครปฐม รวมตัวขับไล่เจ้าอาวาสวัดชื่อดัง หลังมีพฤติกรรมเชิงชู้สาวกับสีกา

กำลังทหาร 10 นาย ร่วมสังเกตการณ์และดูแลความปลอดภัย ที่บริเวณวัดลำพญา ใกล้ตลาดน้ำวัดลำพญา สถานที่ท่องเที่ยวตลาดน้ำชื่อดัง ในอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม หลังมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกวัดกว่า 50 คน มารวมตัวกันเพื่อขับไล่ พระอธิการชิตสุจิตโต เจ้าอาวาสวัดที่มีพฤติกรรมเชิงชู้สาว กับหญิงรายหนึ่งมานานกว่า 3 เดือนแล้ว

นายปัญญา แพสมุทร อายุ 65 ปี ชาวบ้าน เล่าว่า หญิงคนดังกล่าวจะมาหาเจ้าอาวาสเป็นประจำ กระทั่งพวกตนเห็นผู้หญิงคนดังกล่าวมาอีก จึงได้รวมตัวกันไปเคาะประตูเรียก เรียกอยู่นาน จนเจ้าอาวาสยอมเปิดประตูออกมา แต่ไม่เห็นว่าหญิงคนดังกล่าวออกมาด้วย จึงได้ขู่ไปว่าถ้าผู้หญิงคนดังกล่าวไม่ออกมา จะนำน้ำมันมาราดแล้วใช้ไฟฟ้าช็อต ที่สุดแล้วหญิงคนดังกล่าวจึงยอมออกมา

เบื้องต้นได้แจ้งไปยังพระปกครอง คือ พระครูพิทักษ์สุขวัฒน์ รองเจ้าคณะอำเภอบางเลน เจ้าอาวาสวัดสุขวัฒนาราม อำเภอบางเลน และพระครูไพศาล กิตติวรรณ เจ้าคณะตำบลลำพญา เจ้าอาวาสวัดเวฬุวนาราม อำเภอบางเลน มาทำการสอบสวนนานกว่า 3 ชั่วโมง ได้ข้อสรุปว่า จะนำตัวไปจำพรรษาที่วัดอื่นก่อน และยังไม่ทราบว่าต้องใช้เวลาในการสอบสวนกี่วัน ส่วนกุญแจวัดทั้งหมดมอบหมายให้ นายประยุทธ โมกขพันธ์ กำนันตำบลลำพญา เป็นผู้ดูแลวัดเป็นการชั่วคราว ส่วนหญิงคนดังกล่าวได้อาศัยจังหวะที่กำลังชุลมุนขับรถหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ข่าวจาก สถานีโทรทัศน์ ช่อง 7
———————————————-
นี่คือตัวอย่างของอลัชชีที่สามารถเชิดหน้ายืนยงคงอยู่คู่คณะสงฆ์ไทย ประหนึ่งว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

ท่านทั้งหลายคงจะจำข่าวสมีคึกฤทธิ์ที่หลอกจับนมสาว หลอกสาวให้ไปหาในห้องแล้วโชว์อวัยวะเพศของตน

จนผู้หญิง(สีกาอ้อย)ต้องออกมาโวยวาย เป็นข่าวคาวอยู่พักใหญ่
วันนี้สมีคึกฤทธิ์ก็ยังลอยหน้าลอยตา กล่าวอ้างพุทธธรรมสร้างศรัทธาชาวบ้านได้ต่อไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แล้วข่าวนี้มันจบยังไง ก็จบแบบไม่มีอะไรในกอไผ่ยังไงล่ะจ๊ะ

อีกซักข่าว เมื่อวานนี้ทางทีวีคมชัดลึกมีการสัมภาษณ์เด็กผู้หญิง ๓ คน ที่เดินทางมาจากภาคอีสาน ที่ถูกเจ้าอาวาสและลูกวัดลวนลาม นอนในที่เดียวกันกับเด็กสาว

แถมเด็กแฉพฤติกรรมกินเหล้า กินเบียร์ พกพาอาวุธ ไม่สวดมนต์เช้าเย็น ไม่เคยบิณฑบาต เอาแต่รอรับกิจนิมนต์

แต่แล้วไอ้อลัชชี ๒ ตัวนั้นก็ยังลอยนวลอยู่สบายจนถึงวันนี้

ทั้งที่พระวินัยบัญญัติไว้ในอนิยต ๒ บอกไว้ชัดว่า

ภิกษุใดอยู่ในที่ลับหู คือชาวบ้านมองเห็นแต่ไม่ได้ยินการสนทนากับผู้หญิง จะต้องอาบัติสังฆาทิเสสจนถึงปาจิตตีย์ตามที่มีคนที่น่าเชื่อถือมาชี้มูลความผิด

และภิกษุใดอยู่กับผู้หญิงในที่ลับตา คือในที่มีสิ่งปิดบังตา เช่น ในห้องตามลำพังกับผู้หญิง สามารถปรับอาบัติปาราชิกได้ตามผู้ชี้มูล

ทั้งที่ตัวอย่างเลวๆ ที่ยกมาให้ท่านทั้งหลายได้รู้ มันแทบไม่ต้องคิดอะไรมากเพราะจับได้คาหนังคาเขา แต่แล้วคนผิดก็อยู่รอดลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังฆมณฑลได้หน้าตาเฉย

นี่แหละตุลาการสงฆ์ในยุคหยวนๆ น่า เรื่องของพระก็ให้พระท่านจัดการกันเอง ตามที่ท่านรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบพยายามจะบอกสังคม

หากเป็นเช่นนี้จริงอีกหน่อยคงหาพระแท้ๆ ทำยายากแล้วล่ะท่านรัฐมนตรี

ที่ยกมานี่แค่หนังตัวอย่างที่เป็นข่าว แต่ที่ไม่เป็นข่าวยังซุกอยู่ในดงขมิ้นนั้นมีอยู่อีกไม่รู้เท่าไร

เขียนแล้วรู้สึกเหนื่อยใจจริงๆ

นี่แหละคือความจริงที่มันมีอยู่ในสังฆมณฑล

หากถามว่ามีอยู่แค่นี้หรือ ตอบว่า ยัง ยังไม่หมด เรื่องจริงแบบนี้มันยังซุกซ่อนอยู่ใต้ดงขมิ้นและบารมีของผู้ปกครองสังฆมณฑล ด้วยหลักคิดที่ว่า หยวนๆ เลิกแล้วต่อกันไป ขืนโวยวายหรือทำอะไรรุนแรงเดี๋ยวจะเสียหายเสียชื่อเสียงศรัทธา

เหล่านี้แหละคือเหตุผลที่พุทธะอิสระต้องเอากางเกงในเปื้อนขี้ไปถวายให้ไง เห้อ เหนื่อยกับพวกอลัชชีพวกนี้จริงๆ

พุทธะอิสระ