เป็นอีกวันที่อดข้าวเช้า

0
86

วันนี้ตี ๕ ครึ่ง ต้องออกจากวัดเดินทางมาที่ศาลอาญารัชดาให้ทันเวลา ๙ โมงเช้า

เช่นเคย ตามคติธรรมชาติของเมืองหลวงกรุงเทพ ที่เมื่อใดฝนตก รถต้องติด หรือแม้ฝนไม่ตก รถก็ติด และติดเอามากๆ

แต่ถึงกระนั้นดาบตำรวจแสบก็ใช้ความสามารถพิเศษซิกแซกหาเส้นทางที่เขาคุ้นเคย พาฉันมาถึงศาลอาญาจนได้ในเวลา ๘ โมงครึ่งเศษๆ

เมื่อมาถึงแล้วต้องขึ้นไปชั้น ๙ ยังมีเวลาเหลืออยู่เลยหยิบสำนวนเบิกความมาอ่านทบทวนตรวจทาน

เพราะวันนี้ศาลท่านมีหมายนัดให้ฉันมาแถลงคดีเปิดคดี ซึ่งสำนวนทนายได้ส่งมาให้ฉันตั้งแต่เมื่อคืนนี้

หลังจากได้ทำการปรับแก้ไปในบางประเด็นเพื่อให้กระชับ ไม่เยิ่นเย้อ ตรงต่อข้อหาและข้อกฎหมายที่เราฟ้องคดีเรื่องลงอุกเขปนียกรรมเถื่อน

งานนี้มีจำเลย ๔ คน คือ

พระเมธีธรรมาจารย์ หรือเจ้าคุณประสาร เป็นจำเลยที่ ๑

นายเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ จำเลยที่ ๒

พระอธิการฉัตรชัย อธิจิตโต จำเลยที่ ๓

และพระปลัดนรุตม์ชัย อภินฺนโท จำเลยที่ ๔

หลังจากที่ทนายปรับแก้แล้ว ปรากฏว่ายังมีข้อบกพร่องคลาดเคลื่อนอีกหลายหน้าหลายบรรทัด จึงได้ทำการปรับแก้อีกครั้ง แล้วเรียกทนายมารับทราบให้รีบดำเนินการแก้ไขให้ทันก่อนที่ท่านผู้พิพากษาจะออกนั่งบัลลังก์

ที่ต้องตรวจสอบหลายครั้งเพราะไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดซ้ำขึ้นมาอีก เหมือนดังกรณีคดีมหาโชว์ที่ยกฟ้องในศาลชั้นต้นก็เพราะเราไม่ละเอียดถี่ถ้วน ปล่อยให้ทนายดำเนินการโดยที่เราไม่ตรวจสอบหรือตรวจสอบไม่ละเอียดด้วยความไว้วางใจ

จึงทำให้หลักฐานเราอ่อนไม่สามารถชี้ให้ศาลเห็นว่าเราได้รับความเดือดร้อนและเสียหายอย่างไรจากการกระทำของมหาโชว์และพวก ศาลชั้นต้นท่านจึงได้ยกฟ้องไป

เมื่อมีประสบการณ์แห่งความผิดพลาดมาแล้วจึงไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดเป็นครั้งที่สอง ฉันจึงต้องตรวจตราสำนวนทุกตัวอักษรและพยานเอกสาร พยานบุคคล ต้องแนบ ต้องสามารถชี้ให้ศาลท่านเห็นว่าจำเลยทั้ง ๔ และพวก ประกาศและชักชวนให้พรรคพวกมารุมลงอุกเขปนียกรรมเถื่อนกับพุทธะอิสระนั้น มันทำให้พุทธะอิสระเดือดร้อนและได้รับความเสียหายอย่างไร และการที่พวกสาวกลัทธิธรรมกายชวนกันไปแจ้งความกล่าวหาว่าพุทธะอิสระดูหมิ่นพระสังฆราช จึงต้องนำเรื่องขึ้นสู่ศาลว่า อำนาจการแต่งตั้งสถาปนาพระสังฆราชเป็นของใคร

แม้เรื่องเหล่านี้จะเป็นเพียงแค่สมมุติ แต่ต้องยอมรับสมมุติ รับประโยชน์จากสมมุติ ให้ประโยชน์กับสมมุติ สุดท้ายจึงค่อยมาว่ากันว่าจะวางสมมุติกันอย่างไร

แต่ตอนนี้ขอทำหน้าที่ของผู้ใช้สมมุติให้เป็น ใช้กระบวนการยุติธรรมให้เป็น ใช้ความเที่ยงธรรมให้เป็น ใช้กติกาบ้านเมืองให้เป็น ให้สมบูรณ์เสียก่อน แล้วค่อยมาวางสมมุติ

ระหว่างรอท่านผู้พิพากษาออกนั่งบัลลังก์ ไม่อยากให้เวลาล่วงเลยไปเสียเปล่า เลยหยิบกระดาษปากกามาเขียนเล่าเรื่องราวให้ท่านทั้งหลายได้รับรู้ บางเรื่องอาจจะมีสาระน่าจดจำและนำไปปรับใช้กับชีวิตของท่านได้ ส่วนเรื่องใดที่เห็นว่าไร้สาระก็อย่าใส่ใจ ขยำๆ แล้วโยนมันทิ้งถังขยะไป

พอศาลท่านออกนั่งบัลลังก์ ท่านเมตตาเรียกตัวแทนฝ่ายโจทก์ ฝ่ายจำเลยมานัดหมายใหม่ ด้วยเพราะทนายฝ่ายจำเลยไม่ยอมมาศาลตามหมายนัด จะด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ

ศาลท่านอยากให้โจทย์และจำเลยมาพร้อมหน้ากันเพื่อจะได้พิจารณาเบิกความและซักค้านไปพร้อมๆ กันเลย

ซึ่งพุทธะอิสระก็เห็นดีด้วย แต่ศาลท่านก็กำชับว่าให้อยู่ในประเด็นข้อกฎหมายที่ว่าหมิ่นหรือไม่ ผู้เป็นจำเลยได้ไขข่าวและพูดจริงตามที่โจทก์ยื่นฟ้องหรือไม่

ทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้แนวทางว่าพยานหลักฐานจะตระเตรียมกันอย่างไรเพื่อให้ศาลเชื่อได้ว่าคดีนี้มีผู้ผิดจริง และนัดไต่สวนครั้งถัดไปวันที่ ๒๕ พ.ย. ๕๙

หลังจากออกจากศาลเรียบร้อยแล้ว เริ่มแสบท้อง

อีหมูอ้วนและโยมทั้งหลายไปหาซื้ออะไรต่อมิอะไรมาถวายให้ฉัน งานนี้คงต้องฉันเพลบนรถตามเคย

วันนี้มีนัดกับจันทร์ทิพย์ที่เป็นเมียของนายสนธิ ว่าจะเข้าไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล ซึ่งอาจจะต้องฝ่าฟันเส้นทางวิบากที่มีอยู่ในถนนทุกสายของกรุงเทพพระมหานครคือรถติด

แต่ก็ต้องไปเพราะรู้สึกสงสารเป็นห่วงมันที่ต้องมานอนเจ็บป่วย
มีคนถามฉันว่าไม่รู้สึกเจ็บแค้นหรือจดจำต่อสิ่งที่พวกเขาทำกับฉันมาบ้างเลยหรือ ไม่เข็ดหรือ

ฉันตอบเขาไปว่า ฉันจำไม่ได้หรอกว่าพวกเขาด่าฉันว่าอย่างไร

แต่ฉันจำได้ดีว่าพวกเขาเคยให้ข้าวให้น้ำฉันกิน

ฉันจำได้ว่าพวกเขาเคยให้ยืมรถใช้มาเป็นแรมปี

ฉันจำได้ว่าเวลาเราลำบากพวกเขาอยู่ใกล้ๆ เรา

เมื่อพวกเขากำลังลำบากทุกข์ยาก ทำไมฉันจึงไม่ไปอยู่ใกล้ๆ เขาบ้าง

ฉันจำได้และคิดได้แค่นี้

ดังเรื่องที่มีมาแล้วแต่อดีตว่า มีพราหมณ์เฒ่าเที่ยวตระเวนขอบวชกับพระเณรทั้งหลายไปทั่ว แต่ก็ไม่มีใครยอมบวชให้ จนเรื่องนี้รู้ถึงองค์พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงเรียกประชุมสงฆ์ และทรงตรัสถามแก่หมู่ภิกษุทั้งหลายว่า เหตุใดถึงไม่มีใครบวชให้แก่พราหมณ์เฒ่าผู้นี้เล่า
แล้วทรงตรัสถามขึ้นว่า มีใครเคยได้รับอุปการคุณจากพราหมณ์ผู้นี้มาหรือไม่

พระสารีบุตรท่านระลึกได้ว่า ในอดีตพราหมณ์เฒ่าผู้นี้เคยให้ข้าวสาลีแก่ท่านทัพพีหนึ่ง

เมื่อองค์พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเช่นนั้นจึงทรงตรัสว่า

เช่นนั้น สารีบุตร เธอจงให้การบรรพชาแก่พราหมณ์เฒ่าผู้นี้เถิด

แค่ข้าวทัพพีเดียวพระสารีบุตรยังจดจำได้ไม่ลืม

ครอบครัวนายสนธิ โดยเฉพาะอีจันทร์ทิพย์ มันช่วยงานฉัน ช่วยงานพระศาสนามาเนิ่นนาน ให้ทั้งข้าวให้ทั้งน้ำ

เมื่อถึงคราวมันลำบากฉันจะนิ่งดูดายทำเป็นไม่ใส่ใจได้กระนั้นหรือ

พุทธะอิสระ