ความจริงคือสิ่งไม่ตาย ผู้ที่สมควรตายคือพูดไม่จริง

0
138

สงฆ์ชายแดนใต้ขู่ ไม่ดูดาย หากธรรมกายมีภัย
วันที่ 18 มิ.ย. 2559 เวลา 10.30 น. ที่ห้องแก้วสารพัดนึก สภาธรรมกายสากล วัดพระธรรมกาย มีคณะสงฆ์จาก จ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลา กว่า 100 รูป นำโดยพระครูวิเชียรกิตติคุณ เจ้าคณะอำเภอรามัน จ.ยะลา และพระปลัดธันยากร อธิปญฺโย เลขานุการเจ้าคณะอำเภอเมือง จ.นราธิวาส มามอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจพระธัมมชโย มีพระภาวนาธรรมวิเทศ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เป็นตัวแทนรับมอบ ทั้งนี้ พระครูวิเชียรกิตติคุณกล่าวว่า มาให้กำลังใจหลวงพ่อ ธัมมชโย เพราะที่ผ่านมา หลวงพ่อธัมมชโยมีความเป็นห่วงพระสงฆ์ชายแดนใต้ มีการถวายข้าวสาร อาหารแห้งไปยังพื้นที่มาโดยตลอด ขณะที่พระปลัดธันยากรกล่าวว่า จุดประสงค์หลักของปัญหาเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายนั้น ส่วนตัวมองว่าไม่ได้ต้องการทำลายวัดพระธรรมกายอย่างเดียว แต่ต้องการทำลายพระพุทธศาสนาในประเทศไทย เพราะหากวัดพระธรรมกายเป็นองค์กรทางพระพุทธศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีบุคลากรที่มีความรู้จำนวนมาก ยังถูกทำลายได้ ต่อไปวัดเล็กๆ อีกหลายแห่งคงไม่เหลือ และมองว่าการที่ญาติโยมวัดนี้บริจาค เงินจำนวนมาก ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะวัดนำเงินไปสร้างถาวรวัตถุทั้งหมด มีแต่คนที่มีอคติเท่านั้นที่มองเรื่องนี้เป็นเรื่องผิดปกติ เพราะหวังที่จะทำลายพระพุทธศาสนา บอกได้เลยว่าหากวัดพระธรรมกายมีภัย วัดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ไม่นิ่งดูดายแน่นอน
https://www.thairath.co.th/content/641288
—————————————————-
อะไรมันจะเลวร้ายขนาดนั้นเลยหรือหลวงพี่

มีข่าวจากกลุ่มที่อ้างว่าเป็นคณะสงฆ์จากจังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลา ซึ่งนำโดยผู้ที่ใช้นามว่าพระครูวิเชียรกิตติคุณ
เขาอ้างว่าเป็นเจ้าคณะอำเภอรามัน จ.ยะลา และผู้ที่อ้างว่าพระปลัดธันยากร อธิปัญโย เป็นเลขายุการเจ้าคณะอำเภอเมือง จ.นราธิวาส
ได้นำพระทั้ง ๓ จังหวัด ประมาณ ๑๐๐ รูป มาให้กำลังใจเจ้าลัทธิทำจนกลาย

พร้อมกล่าวว่า “มาให้กำลังใจหลวงพ่อธัมมชโย เพราะที่ผ่านมาหลวงพ่อธัมมชโยมีความเป็นห่วงพระสงฆ์ชายแดนใต้ มีการถวายข้าวสารอาหารแห้งไปยังพื้นที่มาโดยตลอด”

ในเวลาเดียวกัน ก็มีผู้ที่อ้างว่าเป็นพระปลัดธันยากรก็ได้กล่าวว่า

“จุดประสงค์หลักของปัญหาเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายนั้น ส่วนตัวมองว่าไม่ได้ต้องการทำลายวัดพระธรรมกายอย่างเดียว แต่ต้องการทำลายพระพุทธศาสนาในประเทศไทย เพราะขนาดวัดพระธรรมกายเป็นองค์กรทางพระพุทธศาสนาขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีบุคลากรที่มีความรู้จำนวนมากยังถูกทำลายได้ ต่อไปวัดเล็กๆ อีกหลายแห่งคงไม่เหลือ

และมองว่าการที่ญาติโยมวัดนี้บริจาคเงินจำนวนมากไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะวัดนำเงินไปใช้สร้างถาวรวัตถุทั้งหมด มีแต่คนที่มีอคติเท่านั้น ที่มองเรื่องนี้เป็นเรื่องผิดปกติ เพราะหวังที่จะทำลายพระพุทธศาสนา

บอกได้เลยว่าหากวัดธรรมกายมีภัย วัดในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนใต้ก็ไม่นิ่งดูดายแน่นอน”
—————————————————-

พุทธะอิสระ:

สรุปรวมความว่า ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นตัวแทนของพระในสามจังหวัดชายแดนใต้ที่อ้างชื่อว่าพระครูวิเชียรกิตติคุณ เจ้าคณะอำเภอรามัน และผู้ที่อ้างว่าเป็นพระปลัดธันยากร อธิปัญโย เลขานุการเจ้าคณะอำเภอเมือง จ.นราธิวาส และบุคคลที่อ้างว่าเป็นสงฆ์ ๑๐๐ กว่ารูป
มีความเห็นว่า เหยื่อที่ลัทธิทำจนกลายเขาหยิบยื่นให้กินให้ใช้ มีค่ากว่าพระธรรมวินัยและกฎหมายบ้านเมืองใช่ไหม

แค่ข้าวสารอาหารแห้งและเศษเงินเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำจนกลายมันหยิบยื่นให้มีคุณค่ากว่าข้อห้ามและข้ออนุญาตที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามไม่ให้ทำ และอนุญาตให้ทำใช่ไหม

พวกคุณหูหนวกตาบอดกันหรือยังไง

เล่าเรียนศึกษาพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้ามาหรือเปล่า หรือสักแต่ว่าบวชแล้วอยู่นานเลยแยกแยะไม่ได้ว่าอะไรเป็นธรรมเป็นวินัย อะไรไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย หรือในหัวมีความคิดแค่ว่า ขอให้กูมีกินมีใช้ ใครจะถูกจะผิดอย่างไรกูไม่สน

อย่างนี้ถ้าพวกโจรมันปล้นสะดมข้าวของนั้นมาแล้วนำมาให้พวกคุณกิน คุณก็จะเข้าข้างโจร ยกย่องโจรว่าดีเลิศใช่ไหม

หากคิดเช่นนี้ก็แสดงว่าพวกคุณๆ ทั้งหลายก็อาศัยผ้าเหลืองหาอยู่หากินกันเฉยๆ เท่านั้น ไม่ได้บวชมาปฏิบัติตามข้อห้ามและข้ออนุญาตของพระพุทธเจ้าเลย แล้วยังจะเรียกตัวเองว่าเป็นพระแห่งสามจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกกระนั้นหรือ

เท่าที่พุทธะอิสระรู้จักสัมผัสได้จากพระผู้ทรงศีล ทรงธรรม ปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนขององค์พระผู้มีพระภาคเจ้าที่เคร่งครัดอย่างพระเดชพระคุณเจ้าคณะจังหวัดปัตตานี (พระสิริจริยาลังการ)

ท่านไม่หลงไม่โง่ไปยึดติดเหยื่อและข้าวของเงินทองที่ทำจนกลายหยิบยื่นให้ จนไม่แยกแยะว่าใครผิดใครถูก

หรือเป็นเพราะพวกคุณกินข้าวของลัทธิทำจนกลายมากเกินไปหรือเปล่า ต่อมใต้สมองและจิตสำนึกที่มีไว้แยะแยะดีชั่วถูกผิดมันเลยฝ่อ ไม่ทำงานเหมือนๆ กับบรรดาพวกสาวกของลัทธินี้

จึงพยายามออกมาปกป้องโจรผู้หนีคดีปาราชิก ยักยอก ฉ้อโกง รับของโจร ฟอกเงิน บุกรุกป่าสงวน และหนีหมายศาล

ขอถามพวกคุณจริงๆ เถิด บวชเข้ามาคนละกี่พรรษาแล้ว เรียนนักธรรมอะไรกันมา หรือได้เปรียญธรรมชั้นไหน

ทำไมธรรมะง่ายๆ ขั้นพื้นฐานคือ หิริ ความละอายชั่ว โอตัปปะ ความเกรงกลัวบาป มันจึงได้หายากในตัวพวกคุณเช่นนี้

และที่พ่อยอดชายนายคนที่อ้างว่าเป็นพระปลัดธันยากรพูดว่า

“ธรรมกายเป็นองค์กรทางพระพุทธศาสนาขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีบุคลากรที่มีความรู้จำนวนมากยังถูกทำลายได้ ต่อไปวัดเล็กๆ อีกหลายแห่งคงไม่เหลือ”

พุทธะอิสระอยากถามว่าพ่อยอดชายนายเลขาที่อ้างว่าเป็นพระปลัดธันยากรว่า

มีใครเขาทำลายวัดทางพระพุทธศาสนาหรือ ช่วยพูดออกมาให้ชัดๆ ช่วงนี้รัฐบาลเขากำลังประกาศใช้มาตรา ๔๔ จัดการกับพวกที่คิดจะทำลายพระพุทธศาสนาอยู่ รวมทั้งพวกที่ชอบยุให้รำตำให้รั่ว อ้างมั่วๆ โดยไม่มีหลักฐาน

บอกมาเลยคุณเลขา ว่าใครทำลายพระพุทธศาสนา ใครทำลายวัด เดี๋ยวพุทธะอิสระจะไปยื่นเรื่องร้องเรียนแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ไปจัดการให้

แต่ถ้าบอกไม่ได้แล้วมาอ้างส่งเดชระวังจะเจออีกดอกหนึ่งนะ

เดี๋ยววันจันทร์หน้าก็ต้องไปขึ้นศาลแล้วไม่ใช่หรือ เหตุเพราะนิสัยชอบมโนแบบนี้นี่แหละ สมควรจะต้องโดนอีกซักดอก

ส่วนที่คุณเลขาบอกมาว่า “โยมบริจาคเงินจำนวนมากๆ ให้แก่ลัทธิทำจนกลายไม่ใช่เรื่องแปลก”

พุทธะอิสระก็ว่าไม่แปลก แต่ที่แปลกก็ตรงคนให้เงินนั้นมันเป็นไวยาวัจกรของลัทธิทำจนกลาย แล้วนำเงินของสมาชิกสหกรณ์มาบริจาค ซึ่งไม่ใช่เงินของตัวเอง นี่แหละมันแปลก

และผู้บริจาคเป็นถึงไวยาวัจกรที่เจ้าลัทธิเป็นคนแต่งตั้งเองกับมือ แถมยังยกย่องให้เป็นถึงอัครมหาอุบาสกแก้ว และเป็นประธานสหกรณ์มูลนิธิของลัทธิทำจนกลายอีก

ตัวเจ้าลัทธิจะไม่รู้เลยทีเดียวหรือว่าเงินที่ไวยาวัจกรนำมาบริจาคให้เป็นพันล้านได้มาอย่างไร นี่แหละแปลก

เอาล่ะคิดแบบคนโง่ว่าไม่รู้ก็ไม่แปลก

แต่เมื่อมีผู้ทักท้วงทวงถาม ทำไมเจ้าลัทธิทำจนกลายถึงไม่ยอมคืนเงิน แถมยังท้าทายอีกว่า อยากได้ก็ให้ไปฟ้องเอา นี่แหละมันแปลก
แปลกที่ถ้าผู้รับเงินนั้นถ้าเป็นพระสาวกขององค์พระผู้มีพระภาคเจ้า เขาจะต้องมีความละอายชั่วกลัวบาป ตามหลักพระวินัยบอกเอาไว้ชัดว่า

ทรัพย์ที่ได้มา เมื่อมีผู้ทวงถามภิกษุนั้นจะต้องนำทรัพย์นั้นมาคืน หากไม่คืนต้องอาบัติตามราคาทรัพย์ คือเกิน ๕ มาสก ต้องอาบัติปาราชิก

หรือเจ้าลัทธิไม่กลัวปาราชิก นี่แหละมันแปลก

และที่มันแปลกมากๆ ก็คือ หลังจากมีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าลัทธิจนตกเป็นจำเลย แทนที่จะยินยอมออกมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามสมณวิสัย ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่กระทำกันสืบเนื่องมาสองพันกว่าปี ว่าภิกษุในพระธรรมวินัยนี้จักต้องดำรงอยู่ได้ด้วยการบำเพ็ญไตรสิกขาเป็นขั้นๆ ไป อันประกอบด้วย

๑. สีลวิสุทธิ ความหมดจดแห่งศีล

๒. จิตตวิสุทธิ ความหมดจดแห่งจิตต์

๓. ทิฏฐิวิสุทธิ ความหมดจดแห่งทิฏฐิ

๔. กังขาวิตรณวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณเป็นเครื่องข้ามพ้นความสงสัย

๕. มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณเป็นเครื่องรู้เห็นว่าทางหรือมิใช่ทาง

๖. ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณอันรู้เห็นทางดำเนิน

๗. ญาณทัสสนวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณทัสสนะ กล่าวคือ มรรคญาณ

แต่เจ้าลัทธิทำจนกลายกลับไม่สนใจไม่ใส่ใจ ไม่ยอมรับการพิสูจน์นี่ซิมันน่าแปลก

ด้วยพฤติกรรมเช่นนี้มันชวนให้คนผู้มีปัญญาหรือมีปัญญาน้อยกลับคิดไปได้ว่า

เขากลัวอะไร หรือเพราะเขาผิดจริงๆ หรือเพราะเขาไม่หลงเหลือความบริสุทธิ์ใดๆ ให้ใครได้พิสูจน์อีกต่อไปแล้ว นี่ซิมันแปลก

การที่มีคนมาบริจาคทรัพย์ให้แก่เจ้าลัทธิทำจนกลายไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่มันแปลกคือ การที่สาวกของลัทธินี้โทรไปจิก โทรไปทวง เขียนจดหมายส่งไปรษณีย์ไปทวงถามเงินบริจาคจนถึงบ้าน ที่ทำงาน

หากถูกปฏิเสธก็จะโอนอ่อนให้ผ่อนชำระเงินบริจาคได้นี่ซิมันแปลก
หรือพ่อเจ้าประคุณเลขาเห็นว่าไม่แปลก

แบบนี้เขาเรียกว่าคำสอนพุทธหรือ

และที่พวกคุณๆ ทั้งหลายต่างพากันมาให้กำลังใจเจ้าลัทธิอลัชชีปาราชิกเพราะสำนึกในบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่เขาหยิบยื่นให้ แล้วบุญคุณของรัฐบาลไทยที่นำเงินภาษีของคนไทยไปอุปถัมภ์บำรุงอุ้มชูพวกคุณๆ ปีๆ หนึ่งหลายร้อยล้าน พวกท่านเคยสำนึกถึงบุญคุณของรัฐบาลแลประชาชนเจ้าของเงินนั้นบ้างไหม

พุทธะอิสระ
—————————————————
จากการตรวจสอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้รับงบประมาณทั้งสิ้น 5,126,870,500 บาท (ประมาณ 5.1 พันล้านบาท)

จัดสรรเป็นแผนงานแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ วงเงิน 266,402,000 บาท (ประมาณ 266 ล้านบาท) โดยจัดทำเป็นโครงการส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันพระพุทธศาสนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แบ่งเป็น 5 จังหวัด ได้แก่ จ.สงขลา จ.ยะลา จ.ปัตตานี จ.นราธิวาส และ จ.สตูล

ระบุวัตถุประสงค์ว่า เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและปรึกษาหารือร่วมกันในแนวทางแก้ไขปัญหาภายในชุมชน โดยผู้นำทางศาสนาแต่ละศาสนา เพื่อการอยู่ร่วมกันของผู้นำศาสนาและศาสนิกแต่ละศาสนาอย่างสันติสุข การร่วมกันทำกิจกรรมสร้างความสามัคคี ให้ครอบครัวไทยพุทธ-ไทยมุสลิม มีความเข้าใจอยู่ร่วมกัน และแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้

สำหรับงบเงินอุดหนุน 5 จังหวัดชายแดนใต้ดังกล่าว จำแนกได้เป็น

1. เงินอุดหนุนการส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันพระพุทธศาสนา ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ 69,462,000บาท

2. เงินอุดหนุนพิเศษพระภิกษุสงฆ์ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 119,940,000 บาท

3. เงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด (ชายแดนใต้) 50 ล้านบาท

4. เงินอุดหนุนการก่อสร้างปรับปรุงเมรุปลอดมลพิษ 27 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี หากนับรวมงบประมาณอุดหนุน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นับตั้งแต่ปี 2556-2559 จะพบว่า ปี2556 ใช้งบ 208,519,600 บาท ปี 2557 ใช้งบ 258,497,700 บาท ปี 2558 ใช้งบ 266,402,000 บาท ปี2559 ใช้งบ 279,965,200 บาท ส่วนปี 2560 (ยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ)

รวมงบอุดหนุน 5 จังหวัดชายแดนใต้ 4 ปีหลังสุดเบ็ดเสร็จ 1,013,384,500 บาท

ที่มา : สำนักข่าวอิศรา : 2 กันยา 2559
https://www.isranews.org/…/investi…/item/49681-ieimodzee.html
—————————————————
แหล่งข่าวประกอบ

https://www.alittlebuddha.com/

ท่าจะผิดศีล! เจ้าคณะ จว.ปัตตานี ลั่นไม่เคยมีมติส่งสงฆ์ชายแดนใต้ไปปกป้องธรรมกาย
https://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx…