อ้าว ไหนบอกว่าไม่รู้จักทำจนกลายไงล่ะ

0
449

แล้วทำไมถึงได้ไปเสนอหน้ารับหมายค้น
—————————————————-

คมชัดลึก 11 ส.ค. 2559
รอง ผบ.ตร. เปิดยุทธการทวงคืนผืนป่า เดือด จนท.สวนพนาวัฒน์ ยื้อไม่ให้เข้าก่อนโชว์หมายศาล พบมีการบุกรุกจริง

วันที่ 11 ส.ค.59 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.ปหยัชว์บุญศรี รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.พงสักก์ เชื้อสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ทหารและหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
พื้นที่สถานปฏิบัติธรรมสวนพนาวัฒน์ เลขที่ 355 ถ.ทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 108 สายฮอด-แม่สะเรียง ม.12 ต.บ่อหลวง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ มีการก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้าง บุกรุกที่สาธารณะและทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น สั่งให้เข้าดำเนินการสืบสวน สอบสวน จับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี

จากการตรวจสอบพบว่า สถานปฏิบัติธรรมสวนพนาวัฒน์ มีเนื้อที่ 478-0-15 ไร่ มีเอกสารสิทธิ์เป็น น.ส.3 ก. จำนวน 21 ฉบับ โดยมีผู้ถือสิทธิ์ครอบครอง คือ บริษัทสวนสนบ้านบ่อหลวง จำกัด ตั้งอยู่ลขที่ 44 ซ.ศุภราช ถ.พหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.
—————————————————-
จากข้อมูลของสำนักข่าวอิศราแจ้งว่า

@ บริษัท สวนสนบ้านบ่อหลวง จำกัด

จดทะเบียน 3 สิงหาคม 2533 ทุน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 454 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจขายที่ดินสวนเกษตร

นาง จิรวัฒน์ ศรีสัตนา ปรากฎชื่อเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ

รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 30 เมษายน 2558 นาง จิรวัฒน์ ศรีสัตนา ถือหุ้นใหญ่สุด 9,998 หุ้น มูลค่า 999,800 บาท นางสาว จิราภา บุณยบุตร นาย สุนทร ศรีสัตนา ถืออยู่คนละ 1 มูลค่าหุ้นที่ถืออยู่คนละ 100 บาท

จากข้อมูลทั้งหมด ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชื่อมโยงทางธุรกิจ ระหว่าง นางเณริศา น้องสาว และนายณรงค์รัชต์ น้องชาย ต่างมารดาของพระธัมมชโย กับ นาง จิรวัฒน์ ศรีสัตนา หรือสีกาอี๊ด อย่างชัดเจน

โดยมี นางสาว จิราภา บุณยบุตร เป็นตัวกลาง

ขณะที่ ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า บริษัท โซวิค จำกัด ของ นาง จิรวัฒน์ ศรีสัตนา หรือสีกาอี๊ด ที่ทำธุรกิจขายเครื่องมือแพทย์และครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ซ่อมบำรุงเครื่องมือแพทย์ และแจ้งมีรายได้รวมล่าสุดอยู่ที่ 1,030,677,963.51 บาท

ปรากฎชื่อเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานรัฐ นับตั้งแต่ปี 2542 จนถึงปัจจุบัน รวมจำนวนกว่า 1,246 สัญญา คิดเป็นวงเงิน 6,186,238,410 บาท
ขอบคุณข้อมูลจากสำนักข่าวอิสรา
—————————————————-
สถานปฏิบัติธรรมดังกล่าว มีรั้วกำแพงปิดกั้นมิดชิด และปิดประตูทางเข้า-ออก และมีการปิดกั้นทางน้ำซึ่งเป็นลำรางสาธารณะ และจากการตรวจสอบในทางวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศและแผนที่ สำนักงานศาลยุติธรรม ทะเบียนเลขที่ 6/2555 ยืนยันว่า มีการบุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าขุนแม่ลาย ซึ่งประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติเมื่อ พ.ศ.2515 จำนวน 26-2-7 ไร่ และบุกรุกป่า 2484 จำนวน 17-0-3 ไร่

ยังพบว่ามีลำรางสาธารณะ, เส้นทางสาธารณประโยชน์ และบ่อน้ำอยู่ในพื้นที่, มี น.ส.3 ก. จำนวน 4 แปลง ที่ออกทับบ่อน้ำสาธารณะ มีการปิดกั้นเส้นทางน้ำเดิมไม่ให้ไหลสู่พื้นล่าง ซึ่งเป็นการต้องห้ามตามกฎกระทรวง นอกจากนี้ยังตรวจพบว่า ผู้ได้รับใบจองดังกล่าว ตั้งแต่ พ.ศ.2503

เป็นชาวบ้านหมู่ 12 ต.บ้านบ่อพระแวน ต.บ่อหลวง ได้รับความเดือดร้อน ร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม ต.บ่อหลวง เมื่อวันที่ 9 พ.ค.59 ว่าสถานปฏิบัติธรรมสวนพนาวัฒน์ บุกรุกที่ทำกินของชาวบ้าน และยึดครองเขตที่ดิน ซึ่งเป็นหัวไร่ปลายนาของชาวบ้านตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ไปเป็นของตนเอง โดยการสร้างรั้วปิดล้อม ทำให้ไม่สามารถใช้ทางสาธารณะและน้ำจากลำเหมืองได้

การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐาน “ร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือ หรือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่น” ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ม.54-55, “ร่วมกันทำการยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ” ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 และ “ร่วมกันเข้าไปยึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงการก่อสร้าง หรือ เผาป่าฯ” ตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ม.9 ประกอบ ม.108 ทวิ

พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้ลงจากรถยนต์มาเจรจาด้วยท่าทีค่อนข้างโมโห เนื่องจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนพนาวัฒน์ ไม่ยินยอมให้คณะเข้าไปด้านใน ก่อนที่จะหยิบหมายศาลแสดงต่อหน้าเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนพนาวัฒน์อีกครั้ง เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนพนาวัฒน์จึงยินยอมเปิดประตูให้เข้าไปภายใน ให้สัมภาษณ์

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบความผิดปกติตามที่กรมป่าไม้ได้ร้องทุกข์จริง พื้นที่ทางหลวง ได้สั่งให้ดำเนินคดีเพิ่มเติม จำนวน 478 ไร่ เท่าที่ดูในเบื้องต้นพบว่าเป็นเขตภูเขาสูง เป็นเขตป่าต้นน้ำ ปกติแล้วจะออกใบจองโฉนดไม่ได้

คนที่มีชื่อในใบจองครั้งแรก พบว่าฐานะไม่ใช่ผู้ที่ไม่มีที่ดินทำกิน เพราะที่ดินตามภูเขา จะออกใบจองได้ เฉพาะผู้ที่ไม่มีที่ดินทำกินเท่านั้น และพบว่าการออกใบจองที่ดินดังกล่าวเป็นไปด้วยความไม่ชอบธรรม และทางสถานปฏิบัติธรรมสวนพนาวัฒน์ก็มาซื้อต่อที่ดินจากคนแรก ซึ่งได้ที่ดินมาด้วยความไม่ชอบธรรม หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการเพิกถอนพื้นที่โดยเร็วและดำเนินคดีตามกฎหมาย
ที่มา : https://www.komchadluek.net/news/regional/237679
—————————————————-
ไหนบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับทำจนกลายไงล่ะทนาย และทำไมถึงได้กลายเป็นเจ้าหน้าที่ผู้เฝ้าสวนพนาวัฒน์ไปเสียได้ล่ะคุณทนายประสิทธิ์ สันจิตร

คนๆ นี้แหละพี่น้อง ที่เข้ามายื่นหนังสือให้เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อยสอบพุทธะอิสระ ข้อหาปาราชิกเพราะไปบุกสถานที่ราชการ

แต่พอคณะสงฆ์เขาจะสอบตามคำเรียกร้อง คนๆ นี้ก็ไม่กล้าโผล่หน้ามาอีกเลย

มิใยที่เจ้าอาวาสจะส่งหนังสือ และโทรศัพท์เรียกตัวให้เข้ามาให้ปากคำตามกระบวนการยุติธรรมของศาลสงฆ์

คนๆ นี้ถึงกับปิดโทรศัพท์หนี แล้วไปตั้งโต๊ะแถลงการณ์ว่าไม่กล้าเข้ามา กลัวไม่ปลอดภัย แต่จะไปยื่นหนังสือให้กับเจ้าคณะตำบลแทน และแล้วคนๆ นี้ก็ไม่โผล่ไปที่เจ้าคณะตำบลดังที่กล่าวอ้าง

เมื่อเขามาก่อกวนสร้างความเดือดร้อนรำคาญ และใส่ร้ายให้ฉันได้รับความเสียหาย จึงไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภอ.กำแพงแสน จนเจ้าหน้าที่ออกหมายเรียกให้มาสอบปากคำ

แล้วคนๆ นี้ก็แอบย่องมาพบตำรวจพร้อมกับนายอัยย์ เพชรทอง และทีมโฆษกทำจนกลาย

วันที่คนๆ นี้มาวัดอ้อน้อยเขาเคยบอกว่าเขามาในนามของสมาคมชาวพุทธปกป้องพระธรรมวินัย และไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลัทธิทำจนกลาย

แต่วันนี้ทำไมถึงโผล่ออกมารับหมายศาล ที่เจ้าหน้าที่เขานำมายื่นเพื่อขอตรวจค้นสวนพนาวัฒน์ของเครือข่ายทำจนกลาย โดยมีน้องชายต่างแม่ของอลัชชีธัมมชโยเป็นผู้ถือหุ้น พร้อมสีกาสาวกลัทธิธรรมกาย ดังข้อมูลที่สำนักข่าวอิศราสืบค้นมา

พอฉันได้เห็นหน้าทนายประสิทธิ์ไปโผล่ที่สวนพนาวัฒน์ จึงเข้าใจได้ว่าทำไมทนายประสิทธิ์ถึงได้เจ็บแค้นแทนลูกพี่ใหญ่ อลัชชีเจ้าลัทธิทำจนกลายนักหนา

ก็เพราะเงินตัวเดียวนี่เอง

พุทธะอิสระ

ที่มา : https://www.isranews.org/%E0%B9%80%…/…/47302-inves_47302.html