มันเทียบกันได้ด้วยหรือ

0
149

Chet Pateeproa แถมากนะสุวิทย์
เพราะคนอ่านสิ่งที่สุวิทย์เขียนก็ต้องเข้าใจกันแบบนั้น

อย่ามาอ้างว่าอลัชชีมาเป็นหรือไม่เป็น เพราะสุวิทย์เอาพระไตรปิฏกมาอ้างเขียนอ้างว่า สมัยนั้นไม่มีก็อยู่กันได้

สุวิทย์คิดจะเอาแต่ใจคนเดียว พูดฝ่ายเดียวว่าคนนั้นคนนี้ไม่ดี คนนั้นเป็นไม่ได้คนโน้นเป็นไม่เหมาะ แต่สงฆ์ส่วนใหญ่เขาเห็นด้วยว่าควรให้เป็น

สุวิทย์บุกรุกป่าอ้างว่า บุกรุกเพื่อปลูกป่า สุวิทย์ทำถูก ถ้าอีกฝ่ายอ้างว่าเขาครอบครองรถโบราณเพื่อให้ประชาชนชมดูล่ะ ต่างฝ่ายต่างมีข้ออ้าง สุวิทย์อ้างได้ฝ่ายเดียวเหรอ

ดังนั้นสิ่งที่สุวิทย์ทำใครก็ออกมามองเจตนาแบบนั้นได้ อย่าไปโทษใครเลย เพราะสุวิทย์เกะกะระรานมาก

มาวันนี้โยงไปถึงสงฆ์ล้านนาละ โยงว่าคนนั้นคนนี้เป็นพวกคนนั้นลูกน้องคนนี้ สุวิทย์รู้จักท่านวิเชียรแค่ไหน คนที่ไปวัดปากน้ำหรือคุ้นเคยจะรู้ว่าท่านไม่ได้อยู่ในฐานะลูกน้อง ท่านเป็นพระสงฆ์ที่เก่งด้านปริยัตรมีบทบาทในวัด ทำงานเก่ง เป็นประโยชน์กับคนทั่วไป ไม่ได้เก่งแต่ในรูแบบสุวิทย์

ที่ออกมาต่อต้านสุวิทย์นับดูหรือยังว่าเยอะแค่ไหน เห็นไหมว่าพระทั้งประเทศแทบไม่มีหน้าไหนเป็นพวกสุวิทย์เลย เพราะสุวิทย์นอกจากอ้างว่าปลูกป่ากะก่อความวุ่นวาย สุวิทย์ทำประโยชน์อะไรให้พระศาสนาบ้างเหรอ เคยสนับสนุนพระสามเณรในการศึกษาบ้างไหม

ทำไมสุวิทย์เป็นคนหัวดื้อ สอนยาก คิดแต่ตัวเองถูกตัวเองดีได้ขนาดนี้ล่ะ

เอาสิ จากข้อเขียนนี้สุวิทย์ก็ขู่จะเอาคนออกมาสร้างความวุ่นวายอีกละ ก็เอาเลยนะ
—————————————————
ที่นายหนวดเขียนว่า
“อย่ามาอ้างว่าอลัชชีมาเป็นหรือไม่เป็น เพราะสุวิทย์เอาพระไตรปิฏกมาอ้างเขียนอ้างว่า สมัยนั้นไม่มีก็อยู่กันได้
—————————————————
ตอบนายหนวดว่า หากพวกนายอยากได้อลัชชีเป็นสังฆราช ก็ไปตั้งกันเอง แล้วจะกราบไหว้เทิดทูนบูชากันอย่างไรก็คงไม่มีใครเขาว่า แต่อย่ามาปกครองสังฆมณฑลนี้ก็แล้วกัน
หากจะปกครองก็ปกครองเฉพาะแต่พวกอลัชชีด้วยกัน เคไหม
และที่สุวิทย์ยกเอาพระไตรปิฎกขึ้นมาอ้าง ก็เพราะสุวิทย์บวชภายใต้พระธรรมวินัยที่ปรากฎในพระไตรปิฎก บัญญัติโดยองค์พระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่ใช่บัญญัติโดยพวกอลัชชีทำจนกลาย
—————————————————
และที่นายหนวดเขียนว่า
“สุวิทย์คิดจะเอาแต่ใจคนเดียว พูดฝ่ายเดียวว่าคนนั้นคนนี้ไม่ดี คนนั้นเป็นไม่ได้คนโน้นเป็นไม่เหมาะ แต่สงฆ์ส่วนใหญ่เขาเห็นด้วยว่าควรให้เป็น”
—————————————————
ตอบนายหนวดว่า ตกลงว่าคดีพัวพันสีกาจนถูกชาวบ้านขับไล่ หนีออกจากวัดไปซุกอยู่เนปาล คดีครอบครองรถหรูหนีภาษี คดีรับสินบน และไม่เอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัย ทำผิดจริยาพระสังฆาธิการ ละเมิดกฎหมาย จนกลายเป็นคดี
นี่คือการพูดฝ่ายเดียวของพุทธะอิสระใช่ไหมเนี่ย
เวรกรรม ช่างน่าสงสารพ่อแม่นายจริงๆ ทำไมถึงได้มีลูกที่มืดบอดได้ขนาดนี้
และไอ้ที่นายหนวดเขียนว่าสงฆ์ส่วนใหญ่เขาเห็นด้วยว่าควรให้เป็น
ตอบนายหนวดว่า สมัยครั้งพระเจ้าอโศก พวกอลัชชีก็มีมากกว่าพวกของพระโมคคัลลีบุตรติสสเถระตั้ง ๕๙,๐๐๐ คนเชียวนะหนวด
หรือในหัวหนวดคิดว่าพวกมากต้องถูกเสมอใช่ไหม คิดเหมือนพวกนักการเมืองเสื้อแดงเลย
อย่างนี้มันใช้พวกมากลากไปนี่หว่า ชอบใช่ไหมล่ะ กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายน่ะ
—————————————————
ที่นายหนวดเขียนว่า
“สุวิทย์บุกรุกป่าอ้างว่า บุกรุกเพื่อปลูกป่า สุวิทย์ทำถูก ถ้าอีกฝ่ายอ้างว่าเขาครอบครองรถโบราณเพื่อให้ประชาชนชมดูล่ะ ต่างฝ่ายต่างมีข้ออ้าง สุวิทย์อ้างได้ฝ่ายเดียวเหรอ”
—————————————————
ถามนายหนวดว่าสุวิทย์เคยอ้างตอนไหนกับใครหรือ ว่าการบุกรุกป่าเป็นการทำถูกต้อง
สุวิทย์เคยไปมีชื่อเป็นเจ้าของผืนป่าแปลงไหนในแผ่นดินไทยนี้หรือ
นายหนวดอย่ามามั่ว มาเอาการบุกรุกเข้าไปปลูกป่าของสุวิทย์ไปเทียบกับพฤติกรรมการเป็นเจ้าของรถหนีภาษีของสมเด็จช่วงเลย แม้จะอ้างว่านำมาให้ประชาชนได้ดูก็ตามเถิด
หากนายหนวดไม่ได้ปัญญาอ่อนหรือเป็นโรคทางสมองคงจะคิดได้ว่า การที่พระสะสมรถหรูให้คนดู กับพระปลูกป่าให้แผ่นดิน มันเทียบกันไม่ได้ ผลที่ได้มันคนละเรื่อง
เพราะโทษของการครองรถหรูหนีภาษีมันผิดทั้งแพ่งทั้งอาญาและต้องอาบัติทางวินัย มีโทษถึงปาราชิก
ส่วนการบุกรุกเข้าไปปลูกป่าให้คนทั้งแผ่นดิน
ถ้าศาลพิเคราะห์ได้ว่าสุวิทย์มีเจตนาจะยึดถือเอาสมบัติของชาติมาเป็นสมบัติของตนเอง จะผิดตามพรบ.ป่าไม้ มีโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แตกต่างจากลัทธิอลัชชีทำจนกลาย ที่เข้าไปบุกรุกยึดครองที่ป่าสงวนและเขตอุทยาน พร้อมทั้งตัดต้นไม้ทำลายสภาพป่า แผ้วถางปลูกคอนโด สร้างรีสอร์ท ปลูกอาคารเสียเลิศหรูอลังการ ทำลายต้นน้ำลำธาร ทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เป็นสมบัติของคนทั้งโลก
แต่พวกลัทธิทำจนกลายก็พากันชื่นชมนิยมชอบ
ส่วนพุทธะอิสระเข้าไปในผืนป่ามีแต่นำต้นไม้ไปปลูกให้แผ่นดิน แต่ดันถูกพวกทำจนกลายกล่าวหาใส่ร้าย
เรื่องเลวๆ อย่างนี้ถ้าไม่ใช่พวกชั่วๆ คงทำไม่ได้จริงไหมหนวด
และการปลูกต้นไม้มันเทียบกับพวกทำลายป่าได้ด้วยหรือ
และที่นายหนวดมากล่าวหาว่าสุวิทย์ เกะกะระราน
ขอตอบว่า คนอย่างสุวิทย์ไม่เคยเกะกะระรานกับคนดี พระดี ภิกษุดี แต่จะเกะกะระรานกับคนอัปรีย์ นักบวชอลัชชี ภิกษุกาลี เท่านั้นแหละหนวด
—————————————————
นายหนวดเขียนว่า
“มาวันนี้โยงไปถึงสงฆ์ล้านนาละ โยงว่าคนนั้นคนนี้เป็นพวกคนนั้นลูกน้องคนนี้ สุวิทย์รู้จักท่านวิเชียรแค่ไหน คนที่ไปวัดปากน้ำหรือคุ้นเคยจะรู้ว่าท่านไม่ได้อยู่ในฐานะลูกน้อง ท่านเป็นพระสงฆ์ที่เก่งด้านปริยัตรมีบทบาทในวัด ทำงานเก่ง เป็นประโยชน์กับคนทั่วไป ไม่ได้เก่งแต่ในรูแบบสุวิทย์”
—————————————————
ถามนายหนวดว่า มหาวิเชียรของนายเป็นลูกวัดปากน้ำหรือเปล่า?
หากใช่ แล้วใครเป็นเจ้าอาวาส
เมื่อเป็นลูกวัดที่มีสมเด็จช่วงเป็นเจ้าอาวาส แถมยังได้ดิบได้ดีเพราะสมเด็จช่วง ได้เป็นเจ้าคณะใหญ่หนเหนือก็เพราะสมเด็จช่วงหลีกทางให้ สละตำแหน่งและแต่งตั้งมหาวิเชียรให้ดำรงตำแหน่งแทน
แล้วอย่างนี้จะไม่เรียกว่าลูกน้อง หรือจะให้เรียกว่าผู้รับใช้ล่ะ
เมื่อมหาวิเชียรเป็นเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ผู้ปกครองสงฆ์สูงสุดในภาคเหนือ
พระภิกษุในภาคเหนือทุกรูปต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ คือมหาวิเชียร
หากการออกมาชุมนุมสวดมนต์กดดันรัฐบาล
ถ้าเจ้าคณะใหญ่หนเหนือไม่ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่รู้ไม่เห็น หลิ่วตา พยักหน้า ชำเลืองมอง
มีหรือจะมีใครกล้ามาอ้างชื่อภิกษุล้านนาแล้วออกมากดดันรัฐบาล
แต่ที่มีได้ก็มีเหตุให้คิดได้ ๒ ประการคือ
– เจ้าคณะใหญ่หนเหนือไม่สามารถปกครองสงฆ์ล้านนาได้ ถือเป็นความบกพร่องต่อหน้าที่
– รู้เห็นเป็นใจ เปิดไฟเขียวแล้วก็ทำเป็นมองไม่เห็น ไม่รู้ไม่ชี้
และขอบอกนายหนวดว่า คนอย่างพระสุวิทย์ พุทธะอิสระ หากหน้าตัวเมีย เก่งแต่ในรู ก็ไม่ออกไปสู้อยู่เวทีแจ้งวัฒนะ ไม่หาญกล้ามาสู้กับฝูงหนอนขี้ที่มีอยู่เต็มหลุมขี้เหล่านี้ดอก
นายจะเชื่อหรือไม่เชื่อนายก็ดูซิว่าพวกของนายน่ะมีมากขนาดไหน และสุวิทย์ล่ะมีพวกอยู่กี่คน
ฉะนั้นคำว่าเก่งแต่ในรูน่ะมันน่าจะเป็นนายและพวกมากกว่า
เพราะหากนายเก่งนอกรูจริงๆ นายคงจะโชว์หน้าตาตัวตนแท้จริงออกมาจากรูให้ชาวบ้านเขารู้จักแล้วซิ แต่ไม่เป็นไร ลูกหลานพุทธะอิสระเขาไปช่วยค้นหารูปนายมาให้ชาวบ้านเขารู้จักแล้ว
ดูท่าทางเท่เน้อ วันนี้โชว์แค่รูปนะ วันหน้าหากยังซ่าอีกจะโชว์ทั้งที่อยู่เบอร์โทรและอาชีพด้วย เคไหม
—————————————————
ที่นายหนวดโพสว่า
“ที่ออกมาต่อต้านสุวิทย์นับดูหรือยังว่าเยอะแค่ไหน เห็นไหมว่าพระทั้งประเทศแทบไม่มีหน้าไหนเป็นพวกสุวิทย์เลย”
—————————————————
ตอบว่า ก็นี่ไง ขนาดสุวิทย์หัวเดียวกระเทียมลีบ สุวิทย์ยังบ่อยั่นพวกหมาหมู่เลย แล้วจะมาว่าสุวิทย์เก่งแต่ในรูได้ไง
ขนาดท้าพวกนายหนวดดีเบทกันตัวต่อตัว พวกนายยังหัวหดไม่กล้าเสนอหน้าเลย หนำซ้ำยังตีเนียน อ้างโน่นอ้างนี่
และขอบอกหนวดว่า ขอเพียงสามารถกำจัดอลัชชีลัทธิกินรวบประเทศไทยได้ ต่อให้คนทั้งแผ่นดินถ่มถุยรังเกลียด พุทธะอิสระก็บ่อยั่น เพราะไม่ได้บวชเข้ามาเพื่อหาพวก แต่ที่มาบวชเพื่อต้องการจะออกจากพวกนี้อยู่แล้ว
—————————————————
นายหนวดเขียนต่อมาว่า
“เพราะสุวิทย์นอกจากอ้างว่าปลูกป่ากะก่อความวุ่นวาย สุวิทย์ทำประโยชน์อะไรให้พระศาสนาบ้างเหรอ”
—————————————————
ตอบว่า ก็กำลังทำอยู่นี่ไง กำลังกำจัดอลัชชีชั่วที่เข้ามาเกาะกินพระธรรมวินัยอยู่นี่ไง
ส่วนประโยชน์ความดีอื่นๆ สุวิทย์จำเป็นต้องมาโพนทะนาด้วยหรือ
ขอบอกถ้าพวกนายไม่คิดจะใส่ร้ายสุวิทย์ ชาวบ้านเขาก็คงไม่รู้ดอกว่าสุวิทย์ทุ่มเทปลูกป่ามานับสิบๆ ปีแล้ว
ไม่รู้ว่าจะขอบใจพวกนายดีหรือว่าสมเพชดี
—————————————————
และที่นายหนวดเขียนว่า
“ทำไมสุวิทย์เป็นคนหัวดื้อ สอนยาก คิดแต่ตัวเองถูกตัวเองดีได้ขนาดนี้ล่ะ”
—————————————————
ตอบว่า คนอย่างสุวิทย์จะดื้อเฉพาะกับพวกทุรชนคนอัปรีย์เท่านั้น แต่ถ้าเป็นสุจริตชนคนดี สุวิทย์ไม่เคยไม่ฟัง
และอยากบอกว่า ไอ้คำว่าหัวดื้อหัวรั้นนี้ นายน่าจะนำไปใช้กับอลัชชีธัมมชโยและพวกมากกว่า หรือไม่ก็ไปใช้กับสมเด็จช่วงก็ได้
เพราะถ้าคนพวกนี้ไม่ดื้อด้านหน้าทน ป่านนี้คดีรถหรู คดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน และคดียักยอกทรัพย์สินของวัด ตั้งแต่ปี ๔๒ คงจะจบไปนานแล้ว
สุวิทย์คิดว่าคนอย่างพวกนายนี่มันเป็นพวกมีมิจฉาทิฏฐิอย่างลึกล้ำจริงๆ เห็นผิดเป็นชอบ มืดบอดแยกแยะไม่ได้ว่าใครดีใครชั่ว
นายหนวดเคยเห็นสุวิทย์ขัดขืนกฎหมาย ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม และยักยอกคดโกงชาวบ้านอย่างหน้าด้านๆ ตอนไหน
หากจะว่าอะไรใครก็ให้มันมีมูลความจริงหน่อย ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวจะได้ตามรุ่นพี่ๆ ไปขึ้นศาลละจะหนาว
—————————————————
และที่นายหนวดท้าว่า
“เอาสิ จากข้อเขียนนี้สุวิทย์ก็ขู่จะเอาคนออกมาสร้างความวุ่นวายอีกละ ก็เอาเลยนะ”
—————————————————
ขอบอกนายหนวดว่า สุวิทย์ไม่ได้ขู่นะ ถ้าไม่เชื่อพวกนายก็ลองออกมาชุมนุมกดดันรัฐบาล ก่อความวุ่นวาย เรียกร้องตำแหน่งสังฆราชอีกทีซิ แล้วจะได้รู้ว่าหมู่หรือจ่า เคนะ
พุทธะอิสระ