เห็นข่าวหมอเปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศเมืองบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย
จับนักข่าวขังแก้ผ้าถ่ายภาพ ขู่ว่าจะนำออกมาประจารไปทั่วประเทศ
โทษฐานนำภาพความจริงที่หมอเปรมศักดิ์ไปตกเขียว เพราะเขาให้สัมภาษณ์ว่าเป็นผู้อุปถัมภ์เด็กหญิงคนที่ผูกข้อต่อแขนจนกลายเป็นเมียรุ่นลูกรุ่นหลาน ที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ชั้น ม.๔ ออกมาเผยแพร่
คุณหมอจึงต้องสั่งสอนบรรดาผู้สื่อข่าวให้หลาบจำ ตามสันดานของผู้มีอำนาจบาตรใหญ่ โดยไม่สนใจกฎหมายบ้านเมือง
เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ทำให้นึกถึงจังหวัดนครปฐมบ้านฉัน ก็มีผู้มีอำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้อยู่เหมือนกัน
แบบประมาณว่า ใครบังอาจมานินทาว่าร้าย จะต้องถูกตั้งศาลเตี้ย
อย่างเบาก็ส่งลูกน้องเอาเลือดหมูเลือดไก่ไปสาดหน้าบ้าน
หรือไม่ก็นำขี้ไปลาดใส่หน้าบ้าน
อย่างกลางก็จะส่งคนไปถามว่าเบื่อกินข้าวแล้วหรือยัง
แม่แต่นักข่าวก็ยังถูกนักเลงงัดบ้านลื้อบ้านจนอยู่ไม่ได้เพราะโดนบ่อยมาก
หากเป็นร้านค้าก็จะมีนักเลงไปท้าตีท้าต่อยกันทุกวัน จนกว่าจะยอมสิโรราบหรือไม่ก็เจ๊งไปเอง
อย่างหนักก็ส่งมือปืนไปรัวปืนใส่ร้าน ซึ่งก็มีสารพัดชนิด
ดีไม่ดีก็ถูกรถสิบล้อเหยียบตาย
เหตุการณ์เหล่านี้พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อยล้วนโดนมาแล้ว เว้นรถสิบล้อยังไม่โดน
จะแตกต่างหน่อยก็ตรงลอบเข้ามาเผากุฏิหลังวัด
ซึ่งก็เป็นวิธีแสดงอำนาจบาตรใหญ่ของผู้มีบารมีคับแผ่นดิน
สันดานของนักการเมืองไทยที่มักจะคิดว่า ตนเองเท่านั้นที่ยิ่งใหญ่ มีศักดิ์ศรี มีบารมี เมื่อมีผู้บังอาจมาลบหลู่ตน ก็ต้องอาละวาดแสดงอำนาจ ข่มขู่คุกคาม ทำร้ายหรือไม่ก็ฆ่า เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้คิดจะทำอีกต่อไป
นักการเมืองที่ทำเช่นนี้ได้เขาคงคิดว่าชีวิตประชาชนเหมือนผักปลา ไม่ได้มีคุณค่าอะไร เมื่อให้อำนาจเขาแล้ว เขาพอใจจะทำอะไรก็ได้ ใครจะกล้าหือ
เช่นนี้พอฉันเห็นข่าวคุณหมอเปรมศักดิ์ เพียยุระ ปฏิบัติการกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้สื่อข่าวแล้วจับแก้ผ้า
จึงคิดว่าเป็นเรื่องปกติของผู้มีบารมีอย่างพวกนักการเมือง
ที่เขาทำกันทั่วๆ ไป แม้แต่ในจังหวัดนครปฐมของฉันก็ไม่เว้น
ก็ขนาดพ่อตาตำรวจระดับสารวัตร พวกยังตบเสียพิการนอนหยอดน้ำข้าวต้มเลย
สาอะไรกับคนธรรมดาหากกล้าหือจะรอดหรือ
นี่แหละ สิ่งที่คนไทยได้เห็นจากลัทธิประชาธิปไตยและนักการเมืองไทยจนชินชาละ
พุทธะอิสระ