ใครกันแน่ที่ทำให้สงฆ์แตกแยก

0
117

พ. น้อย เวฬุวัน  ท่านพุทธะอิสระท่านภูมิใจมากซินะ ที่เขียนโพส์ให้คนด่าพระด่าเจ้า ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นพระในพุทธศาสนา แพ้ก็เสมอตัว ชนะก็เสมอตัว ไม่มีใครได้อะไรเลย มีแต่พุทธศาสนาจะแย่ลง คุณอย่าคิดว่า ที่วัดอ้อน้อยเจริญรุ่งเรือง มีคนนับถือตนมาก แต่ถ้าพุทธศาสนารอบนอกเสียหาย วัดอ้อ้น้อยก็ฉีบหายไปด้วยกันแน่ๆ ผมเขียนเตือนสติด้วยความหวังดี ทำไมไม่คิดร่วมแก้ไขกัน ทำให้พุทธศาสนาในประเทศไทยเจริญก้าวหน้า หรือว่าท่านไม่รักพระพุทธศาสนา

หลังจากฉันเขียนบทความเรื่อง พอเห็นท่าว่าจะไม่รอด เลยอ้างว่าพระพุทธศาสนากำลังจะมีภัย

ฉันจึงย้อนถามกลับไปว่า ภัยของพระพุทธศาสนา หรือภัยของพวกอลัชชี

พร้อมทั้งอธิบายให้ทุกคนเห็นว่า ภัยของพระพุทธศาสนาที่แท้จริงนั้นมันมาจากพวกอลัชชี (ผู้ไม่อาย, ผู้ประพฤตินอกจารีต) ที่เข้ามาอาศัยพระธรรมวินัยนี้หากิน

ภัยของพระพุทธศาสนาที่แท้จริงนั้นมันเกิดจากสุจริตสงฆ์ ละเลย วางเฉย ต่อหน้าที่ของพุทธสาวกที่ดีคือ

๑. ปฏิบัติตามหลักพระธรรมคำสั่งสอนของพระบรมศาสดาอย่างเคร่งครัด

๒. ธำรงรักษาพระธรรมคำสั่งสอนและอุดมการณ์ของสมณศากยตระกูลเอาไว้ให้มั่นคง

๓. เผยแผ่พระพุทธธรรมคำสั่งสอนนั้นให้แผ่ขยายไปให้กว้างไกล ด้วยมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ฟังผู้ศึกษา

๔. ชี้แนะการปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัยอย่างซื่อตรงถูกต้อง

๕. ทำตนเป็นต้นแบบที่งดงาม ซื่อตรง ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง

ซึ่งหน้าที่ดังกล่าวนี้ล้วนเกิดมาจากสำนึกกตัญญูรู้คุณต่อพระบรมศาสดา และแสดงความกตเวทิตาตอบแทนพระคุณนั้น

โดยมีหลักคิด หลักใจ หลักปฏิบัติ ให้ถูกตรงตามลักษณะการตัดสินว่าอะไรเป็นธรรม เป็นวินัย มิใช่ธรรม มิใช่วินัย ๘ ประการที่องค์พระบรมศาสดาทรงประทานเอาไว้ให้คือ

ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อ

๑. ความคลายกำหนัด, ไม่ยึดติด
๒. ความหมดเครื่องผูกรัด, ความไม่ประกอบทุกข์
๓. ความไม่พอกพูนกิเลส
๔. ความอยากอันน้อย, ความมักน้อย
๕. ความสันโดษ มิใช่เพื่อความไม่สันโดษ
๖. ความสงัด มิใช่เพื่อความคลุกคลีอยู่ในหมู่
๗. การประกอบความเพียร มิใช่เพื่อความเกียจคร้าน
๘. ความเลี้ยงง่าย มิใช่เพื่อความเลี้ยงยาก

ธรรมเหล่านี้ พึงรู้ว่าเป็นธรรม เป็นวินัย เป็นสัตถุสาสน์ คือคำสอนของพระศาสดา

หากบรรดาสุจริตสงฆ์ทั้งหลายมีความรักความศรัทธาต่อพระบรมศาสดาอย่างสุดซึ้ง รักและศรัทธาในหลักพระธรรมวินัยอย่างซื่อตรง

พร้อมทั้งได้กระทำหน้าที่ของพุทธสาวกที่ดี อย่างเคร่งครัด ด้วยหลักคิด หลักทำ ตามหลักตัดสินพระธรรมวินัยทั้ง ๘ จนครบบริบูรณ์

พระพุทธศาสนานี้จักมิเกิดทุมังกุภิกษุ ผู้ว่ายากสอนยาก และจะไม่เกิดอลัชชีสงฆ์ผู้ไม่ละอาย

แม้เกิดก็จะถูกสุจริตสงฆ์ผู้ซื่อตรงช่วยกันกำจัดขับไล่ให้พ้นไปจากสังฆมณฑลจนหมดสิ้น

เช่นนี้หมู่อลัชชีจะกำเริบเหิมเกริมได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ

ผู้ใช้นามว่า พ.น้อย เวฬุวัน คงจะไม่เคยเปิดพระไตรปิฎกอ่าน “พระสังคีติสูตร” สินะ

และที่คุณ พ.น้อย เวฬุวัน โพสว่าพุทธะอิสระภูมิใจที่ได้ด่าพระเจ้า
ถามคุณว่าในสายตาของพวกคุณ มองคนเป็นปาราชิกว่าเป็นพระหรอ แต่มองพุทธะอิสระไม่ใช่พระใช่ไหม

คนที่พุทธะอิสระโพนทะนาประจานล้วนแต่เป็นพวกมักมาก อยากได้ ทำลายพระธรรมวินัย ย่ำยีพระพุทธเจ้าทั้งนั้น

คุณเคยเห็นฉันไปด่าพระสงฆ์องค์เณรที่ซื่อตรงต่อพระธรรมวินัยองค์ไหนบ้าง

อย่ามากล่าวหาลอยๆ ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวจะเจออย่างเจ้าคุณพิพิธ

คุณบอกว่าทั้งที่ตัวเองก็เป็นพระในพุทธศาสนา แพ้ก็เสมอตัว ชนะก็เสมอตัว

ขอตอบว่า ก็เพราะพุทธะอิสระตระหนักสำนึกอยู่ทุกลมหายใจว่าตนเป็นพุทธสาวก และมีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบรมศาสดาอยู่ตลอดเวลา

จึงยอมไม่ได้ที่จะให้พวกอลัชชีเข้ามาบ่อนทำลายพระธรรมวินัยของพระบรมศาสดา

พุทธะอิสระไม่ได้แล้งน้ำใจ ใจไม้ไส้ระกำ ทำไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าพระธรรมวินัยนี้มีพวกอลัชชีเข้ามาปลอมปนและบ่อนทำลายผู้บริสุทธิสงฆ์

พุทธะอิสระไม่เคยคิดจะเอาชนะคะค้านกับพวกบริสุทธิสงฆ์ แต่ถ้าเป็นอลัชชีสงฆ์ อย่างนั้นต้องตายกันไปข้างหนึ่ง

ส่วนผลจะออกมาอย่างไร คนมีสติปัญญาคงคิดได้ไม่น่าจะต้องอธิบาย

ที่คุณ พ.น้อย เวฬุวัน โพสว่า พุทธะอิสระอย่าคิดว่าที่วัดอ้อน้อยเจริญรุ่งเรือง มีคนนับถือตนมาก แต่ถ้าพุทธศาสนารอบนอกเสียหาย วัดอ้อน้อยก็ฉิบหายไปด้วยกันแน่ๆ ผมเขียนเตือนสติด้วยความหวังดี
พุทธะอิสระขอตอบว่า พุทธะอิสระไม่ได้บวชเข้ามาเพื่อให้ใครไหว้ บวชมาเพื่อจะไหว้ตัวเอง ไม่เคยทำตัวเป็นภิกษุสันดานกา สันดานหมา สันดานแมว

และก็อบรมสั่งสอนทุกคนที่เข้ามาอยู่ร่วมกันในวัดว่า

“ขอเพียงทำ พูด คิด ด้วยวิธีอันเลิศ ผลที่ประเสริฐจะเกิดตามมาเอง”
ไม่ชอบแจ๊ะแจ๋เลียแข้งเลียขาใคร

ที่พุทธะอิสระทำอย่างนี้ พูดสอนอย่างนี้ ก็เพราะพุทธะอิสระและคนในวัดอ้อน้อยเชื่อกรรม เชื่อผลแห่งกรรม เชื่อว่าสัตว์โลกเป็นไปตามกรรม และเชื่อในพระพุทธธรรมคำสอน ที่ว่า

อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

วัดอ้อน้อยไม่ได้โด่ง โดดเด่น จากเมื่อก่อนที่พุทธะอิสระยังไม่ออกไปต่อสู้ขับไล่พวกพ้องอลัชชีที่กินรวบอาณาจักรและศาสนาจักรที่เวทีแจ้งวัฒนะ

มีคนมาร่วมงานวัดอ้อน้อยจนแน่นวัด รถจอดไปถึงถนนใหญ่

อาทิตย์ใดที่แสดงธรรม สอนกรรมฐาน มีผู้มาเรียนเต็มศาลา

แต่หลังกลับมาจากเวทีแจ้งวัฒนะ รถและคนลดลงมากกว่าครึ่ง บางอาทิตย์มีไม่ถึงร้อยคน

อย่างนี้จะเรียกว่าพุทธะอิสระชนะ วัดอ้อน้อยรุ่งเรืองเจริญได้อีกกระนั้นหรือ

และไม่ว่าจะมีคนมามากหรือน้อย พุทธะอิสระก็ไม่เคยไปเจ๊าะแจ๊ะจ๊ะจ๋า ตะหลบตะแลงแหกตาให้พวกเขาหลงคารมณ์ หลงเชื่อ หลอกเอาเงินของเขา

ทุกคนที่เข้ามาในวัดอ้อน้อยรู้ดีว่าพุทธะอิสระพูดไม่เพราะ

หากทำไม่ดีอาจถูกด่าได้ต่อหน้า

คณะสงฆ์ในอาวาสนี้ก็ไม่เคยประจบตระกูล

ทุกคนที่เจ้ามาในอาวาสนี้ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะหรือยศศักดิ์

วัดอ้อน้อยไม่เคยจัดที่นั่งพิเศษแถวหน้าเฉพาะผู้บริจาคมากๆ ส่วนพวกบริจาคน้อยๆ น้อยกว่าห้าร้อยไปนั่งไกลๆ เหมือนอย่างลัทธิของพวกคุณ

ส่วนที่คุณโพสมาว่าทำไมไม่คิดร่วมแก้ไขกัน ทำให้พุทธศาสนาในประเทศไทยเจริญก้าวหน้าหรือว่าไม่รักพระพุทธศาสนา

ตอบว่า พุทธะอิสระรักพระพุทธศาสนา แต่ไม่รักอลัชชี

เพราะพวกอลัชชีทุมังกุ เดรัจถีย์ ไม่ใช่พวกเดียวกับพระพุทธศาสนา จึงต้องขับไปให้พ้นจากสังฆมณฑล

ที่คุณบอกว่าทำไมไม่คิดร่วมกันแก้ไข

ขอถามว่า ทำได้จริงๆ หรอ

ขนาดเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชยังทำอะไรพวกอลัชชีไม่ได้เลย

แล้วพุทธะอิสระเป็นใครจะไปจับมือร่วมกันแก้ไข

ที่คุณพูดคุณโพสมาน่ะ เคยมองเห็นเหตุการณ์ตามความจริงบ้างหรือไม่

หรือเอาแต่มโน เพ้อฝัน โลกสวย แต่ทำไม่ได้และไม่เคยทำอะไรเลย

ทีหลังถ้าจะพูดจะเขียนอะไรก็ให้ถ่างตาดูโลกให้รอบด้าน จะได้เข้าใจถูกต้อง อย่าโชว์โง่

พุทธะอิสระ