ดูท่าพรรษานี้ฝนจะไม่ยอมทิ้งช่วงจริงๆ พากันเป็นปาราชิกเป็นแถวเลย

0
103

วันนี้ (22 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ร่วมแถลงข่าวการครอบครองรถยนต์จดประกอบของพระเถระชั้นผู้ใหญ่ เนื่องจากเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน
พ.ต.อ.ไพสิฐเปิดเผยว่า สืบเนื่องจากการขยายผลคดีไฟไหม้รถหรู 6 คัน ที่ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2556 เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนทราบว่ามีรถผิดกฎหมายจากการจดประกอบ โดยมีรถยนต์ 2 คันซึ่งมีผู้มาร้องเรียนให้ดำเนินการตรวจสอบ
คันแรกเป็นรถยนต์ของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม
จากการสอบสวนพบว่ารถคันดังกล่าวซื้อมาทั้งคันจากสหรัฐอเมริกา แต่ได้แยกชิ้นส่วนเข้ามาประเทศไทย มีการปลอมลายมือชื่อผู้อื่น พร้อมมาสำแดงการนำเข้าโครงรถยนต์เป็นยี่ห้อแพนเธอร์ ส่วนเครื่องยนต์เป็นยี่ห้อจากัวร์ หมายเลขตัวรถ 731 หมายเลขเครื่องยนต์ 8L 66240-L
ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าวว่า การตรวจสอบรถยนต์ของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน พบว่า
ได้จดทะเบียนทั้งคันที่สหรัฐอเมริกาเป็นยี่ห้อแพนเธอร์ แต่เกิดมีการเปลี่ยนทะเบียนขึ้น และหลวงพี่น้ำฝนได้ซื้อรถต่อจากคนไทยในสหรัฐอเมริกา ก่อนแยกชิ้นส่วนตัวถังกับเครื่องยนต์ส่งมาทางเรือเข้ามายังประเทศไทยและจดทะเบียนเป็นยี่ห้อจากัวร์ จนกระทั่งมาสำแดงเอกสารปรากฏชื่อนายชรินทร ปถคามินทร์ เป็นผู้นำเข้าโครงตัวถัง แต่จากการให้ปากคำนั้นเจ้าตัวบอกว่าถูกปลอมเอกสารลายมือชื่อทั้งหมด ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอยู่ในเรือนจำ จ.นครปฐม
ส่วนหลวงพี่น้ำฝนมีชื่อเป็นผู้นำเข้าเครื่องยนต์เอง ก่อนได้มีการประกอบรถยนต์คันที่มีปัญหาดังกล่าวขึ้นมา
นอกจากนี้ ได้สอบปากคำผู้ครอบครองรถยนต์คันนี้ที่สหรัฐอเมริกาด้วยตัวเอง พบว่ากระบวนการลักษณะอย่างนี้เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีเพื่อชำระเงินในราคาที่ถูกลง อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวเพียงแต่รวบรวมพยานหลักฐานในส่วนที่เกี่ยวข้องให้สมบูรณ์ก่อน คาดว่าใช้เวลาอีกสักระยะ
พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินคดีนั้นแบ่งเป็นกรณี ดังนี้
1. กลุ่มผู้นำเข้าเครื่องยนต์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีการปลอมเอกสารการนำเข้า เข้าข่ายความผิดฐานร่วมกันลักลอบหนีศุลกากร หรือซื้อหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งของหนีภาษีศุลกากร ตามมาตรา 27 และมาตรา 27 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
2. กลุ่มผู้ที่นำรถไปชำระภาษีและจดทะเบียนต่อกรมการขนส่งทางบก ทำให้รัฐเสียหาย มีความผิดฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชน หรือเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 267 ประกอบ มาตรา 83 และ
3. กลุ่มผู้ครอบครองรถ มีความผิดฐานร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งสินค้าโดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน ตามความผิด พ.ร.บ.ศุลกากร มาตรา 27

ที่มา: manager.co.th

 

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑
มหาวิภังค์ ภาค ๑
พระอนุบัญญัติ
อนึ่ง ภิกษุใด ถือเอาทรัพย์อันเจ้าของไม่ได้ให้ด้วย ด้วยอาการขโมย มาจากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี
พระราชาทั้งหลาย จับโจรได้แล้ว ประหารเสียบ้าง จองจำไว้บ้าง เนรเทศเสียบ้าง
ด้วยการบริภาษว่า เจ้าเป็นโจร เจ้าเป็นคนพาล เจ้าเป็นคนหลง เจ้าเป็นขโมย ดังนี้
ด้วยเพราะการถือเอาทรัพย์อันเจ้าของไม่ได้ให้เห็นปานใด
ภิกษุถือเอาทรัพย์อันเจ้าของไม่ได้ให้เห็นปานนั้น แม้ภิกษุนี้ ก็เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้.
เรื่องนำแก้วมณีล่วงด่านภาษี
[๑๕๒] ๓.ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งเดินทางไกลไปกับพวกพ่อค้าเกวียน
บุรุษคนหนึ่งเกลี้ยกล่อมภิกษุนั้นด้วยอามิสแล้ว ให้ช่วยนำสินค้าผ่านด่านภาษีแล้ว จึงส่งแก้วมณีซึ่งมีราคามากให้แก่ภิกษุนั้น
ด้วยขอร้องว่าท่านผู้เจริญ ขอท่านจงช่วยนำแก้วมณีนี้ผ่านด่านภาษีให้ข้าพเจ้าด้วย
ภิกษุนั้นนำแก้วมณีนั้นให้ผ่านด่านภาษีไปแล้ว ได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติปาราชิกแล้ว กระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติปาราชิกแล้ว
———————————————–
จะรอดูว่าดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาคุณน้ำฝนแห่งวัดไผ่ล้อมเมื่อใด
วันนั้นจะเป็นวันที่พุทธิสระเดินทางไปยื่นเรื่องโจทก์อาบัติปาราชิกและละเมิดจริยาพระสังฆาธิการอย่างร้ายแรง
กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พุทธศักราช ๒๕๔๑) ว่าด้วยจริยาพระสังฆาธิการ
ข้อที่ ๔๔ กำหนดว่า “พระสังฆาธิการต้องเอื้อเฟื้อต่อกฎหมาย พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ กฎกระทรวง กฎมหาเถรสมาคม ระเบียบ คำสั่ง มติ ประกาศ พระบัญชาสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช และปฏิบัติตามพระธรรมวินัยโดยเคร่งครัด”
ยังจำได้ว่าเพราะคุณน้ำฝนเป็นเหตุทำให้ฉันต้องเดินทางเข้าไปในบ้านของนักการเมืองใหญ่ของจังหวัดนครปฐมในงานฉลองวันเกิดของเขา เมื่อวันที่ ๑๔ ก.ย. ๕๖
และรุ่งขึ้นวันที่ ๑๕ ก.ย. ๕๖ ฉันได้นำมาเขียนเล่าเอาไว้ในเฟสว่า
——————————————
หลวงปู่พุทธะอิสระ ณ ศาลาวัดอ้อน้อย
วันที่ 15 ก.ย. 56
สืบเนื่องเรื่องจากการโฆษณาชวนเชื่อว่า คือ มันมีข่าวออกมาทางไอที อินเตอร์เน็ทว่า หลวงปู่พุทธะอิสระ หลวงพี่น้ำฝน เข้าไปอวยพรวันเกิด พณท่านไชยา สะสมทรัพย์
ต้องเล่าความเป็นจริงให้ฟังว่า ที่มาที่ไป มันคืออะไร
คือ วันนั้น มีผู้มาแจ้งให้ทราบว่า หลวงปู่ วันนี้ บ้านใหญ่เค้าจัดงานวันเกิด
เราก็เลยบอกว่า เออ เดี๋ยวกูจะไปด้วย พวกคนวัดก็พูดว่า
หลวงปู่พูดเล่นหรือเปล่า พอฉันเดินบิณฑบาตเสร็จเรียบร้อยแล้วกลับมา รับบาตรจากแม่แล้ว ฉันก็สั่งให้คนของมูลนิธิเตรียมกระเช้าผลิตภัณฑ์หอมจัง
พอฉันเช้าเสร็จ ก็เข้าไปโกนคิ้ว คนอื่นเค้าตัดไม้ข่มนาม พุทธะอิสระตัดคิ้วข่มนาม ฉันพูดกับเจ้าแก้วและลูกศิษย์ภายในวัด
เหตุที่ต้องไปบ้านเจ้าพ่อ มีวิธีอธิบายได้ 2 กรณี
กรณีแรก ก็คือ ถ้าพูดตามวิถีโลกก็ต้องบอกว่า ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือ ก็จะไม่ได้ลูกเสือ ฉันจึงสั่งอ้ายแก้วให้เตรียมตัว 8 โมงครึ่งจะออกเดินทางไปบ้านเจ้าพ่อ
ถือฤกษ์ราชสีห์ข่มทัพ เจ้าแก้วถามว่าจะเอาใครไปบ้าง
ฉันบอกว่าไม่ต้อง มีมึงกับกู 2 คน แล้วก็ให้อ้ายพงษ์ขับรถ เพราะมันรู้ทางหนีทีไล่ มันรู้ทางไปบ้านเจ้าพ่อว่าเข้าออกทางไหน พวกติดตามถ้าจะไป ก็ไปห่างๆ ไม่ต้องแสดงตน แต่ไม่ต้องเข้าไปในบ้าน
พอถึงหน้าบ้าน รถจอดฉันลงจากรถ ทุกคนพอเห็นฉัน ก็เหมือนโดนสะกด พวกที่กินก๋วยเตี๋ยวอยู่ก็อ้าปากค้างหันมามอง พวกที่ดูดโอเลี้ยง ดูดน้ำหวานอยู่ ก็ตาเหลือก ปากคาบหลอด
มีทั้งนายตำรวจ ข้าราชการ พ่อค้า นักการเมือง มือปืน เจ้าพ่อ ส.จ. ส.ส. ส.ว. แล้วก็ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายกอบต. อบจ. มาอยู่รวมกันพร้อมหน้า ทั้งหมดพกปืนตุงเอวกันเต็มไปหมด ประมาณ 300 กว่าชีวิต ร่วม 400
ฉันเดินเข้าไปอย่างสบายใจ ไม่สะทกสะท้านต่อสายตาทุกคู่ที่จับจ้องมาโดยมีเจ้าแก้วเดินหิ้วกระเช้าของขวัญตามตูด
บางคนเขารู้จักฉันก็ทัก อ้าว หลวงปู่มาด้วย สวัสดีครับ เอ๊อ
แล้วก็เดินไปเรื่อย เห็นผู้คนพากันกระทุ้งสีข้างบ้าง สะกิดกันบ้าง เพื่อให้ดูว่าพุทธะอิสระเข้ามาถึงถิ่นเจ้าพ่อได้อย่างไร
นี่คือบรรยากาศ เล่าให้ฟัง จากที่ได้สอดส่ายสายตาสังเกตุ จึงได้เห็นหน้ามือปืนที่มายิงที่วัด 2 คน มันยืนอยู่ตรงซุ้มประตูทางเข้า ซึ่งเหลือบชำเลืองไปเห็นเข้าพอดี
สายตาฉันก็มองกวาดไปทั่วบริเวณบ้าน มองหาทางหนีทีไล่พร้อมกับเดินตรงเข้าไป
เจ้าของบ้านเค้าก็นั่งอยู่กับกลุ่มญาติ กลุ่มผู้มีเกียรติ เป็นแขกชั้นผู้ใหญ่ เค้านั่งอยู่ รอบๆ ก็มีเด็กๆ วัยรุ่น องครักษ์พิทักษ์นายรายล้อม
พอเห็นหลวงปู่ เค้าก็หันมาชำเลืองมอง ไอ้แก้วเค้าก็เลยแนะนำว่า หลวงปู่วัดอ้อน้อยมา เอากระเช้ามามอบให้ท่านเนื่องในวันเกิด
ฉันพูดแทรกขึ้นมาว่า ให้ สุขสรรค์วันเกิด สุขภาพแข็งแรง อายุยืน มีเวลาว่างมั้ย ขอคุยกันเป็นส่วนตัวหน่อย
เค้าก็มองหน้า ฉันก็มองตา เค้าก็อึกอักๆ อยู่สักพัก ฉันย้ำเตือนว่าขอเวลาฉันสักนิด เค้าก็ลุกขึ้น งั้น เดี๋ยวไปคุยกันในห้อง
พวกมือปืนทั้งหลายจะตามไปด้วย
ฉันหันมาพูดว่า อ้าว ไหนว่า คุยกันส่วนตัว ไม่ใช่เหรอ
เจ้าพ่อเลยหันมาบอกกับลูกน้องว่า เฮ้ย ไม่ต้อง
ไอ้แก้วจะตามฉันเข้าไป ฉันเลยบอก กูจะคุยส่วนตัว ไม่ต้องตามเข้ามา
ว่าแล้วก็เดินตามเจ้าของบ้านไป ปิดห้องทำงานคุยกับเจ้าพ่อ
ทั้งหมดนี่มันเป็นวิถีแห่งชาวโลก คุยกันแบบชาวโลกๆ คุยกันแบบนักเลงยุคเก่าๆ เรียกว่า ไม่เข้าถ้ำเสือ ก็ไม่ได้ลูกเสือ
พอเข้าไปนั่งคุย เริ่มต้นฉันก็ร่ายยาวรายงานตัวว่า ฉันลูกหลานใคร โคตรพ่อโคตรแม่
อยู่ที่ไหน ย่าอยู่หลังวัดเทียนดัด ปู่อยู่หลังวัดพระงาม พ่อทำโรงอิฐ อยู่อำเภอกำแพงแสนเป็นเจ้าแรก เป็นดองกับเจ้าพ่อยมวังตะกู ฉันก็ว่าร่ายประวัติของฉันไป
เมื่อเค้ารู้จักแล้วฉันจึงถามเจ้าพ่อว่า แล้วไอ้น้ำฝนมันเป็นใคร มันเป็นลูกบ้านไหน มันเป็นคนมาจากแหล่งหนตำบลใด เด็กขายน้ำอยู่สนามมวยลุมพินี ทำไมคุณถึงปล่อยให้มันมาทำความเสียหายให้แก่พระพุทธศาสนาในจังหวัดนครปฐม
ในฐานะที่คุณเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัด ไม่ยอมทำอะไรแล้วยังจะมาปกป้องมันอยู่ได้ยังไง
เจ้าพ่อก็ เปิดลิ้นชัก ทำเป็นค้นหาของ แต่หยิบปืนขึ้นมาวางบนโต๊ะโชว์
ฉันนั่งเฉยๆ แล้วพูดว่า คุณไม่ต้องมาขู่ฉันดอก ฉันไม่กลัวคุณ ถ้ากลัวคงไม่กล้ามาคนเดียว หากคุณยังปล่อยให้คนนอกจังหวัดมาทำให้พุทธศาสนาในจังหวัดนครปฐมถูกอลัชชีน้ำฝนย่ำยี ทำร้ายอีก ทั้งคุณยังปกป้องมัน คุ้มกะลาหัวมันอยู่ คุณไม่รู้สึกอายชาวบ้านเค้าเหรอ
ฉันมีหลักฐานที่จะเอาผิดมันได้ทุกเวลา ถ้าฉันเอาผิดมันแล้ว คุณกลับมาปกป้องมัน ถึงวันนี้ก็ยังปกป้องมันอยู่เนี่ย คนที่เสียน่ะก็คือ ตัวคุณเองกับพวกพ้อง
เจ้าพ่อพูดว่า อุ๊ย ผมอยู่ที่นี่ เป็นนักการเมืองมา 30 กว่าปี คนทั้งจังหวัดรักผมทั้งนั้น
เราก็ฟังเฉยๆ เราก็เลยบอกว่า ฉันน่ะ รักพระศาสนา แล้วก็รักชีวิต แต่ถ้าจะถามว่า ฉันรักอะไรมากกว่าระหว่างศาสนากับชีวิต ขอตอบว่าฉันรักศาสนามากกว่าชีวิต
เพราะฉะนั้น ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาทำให้ศาสนาเสียหาย และฉันก็หวังไม่ได้กับตุลาการศาลทางฝ่ายสงฆ์
ก็เล่าให้เจ้าพ่อฟังว่า สมัยฉันเป็นเจ้าคณะตำบล เคยไปสอบอธิกรณ์เจ้าคณะตำบลวัดไผ่หูช้าง อำเภอบางเลน ข้อหาเสพเมถุนกับผู้หญิงหลายคน สอบจนกระทั่งมันจำนนต่อหลักฐาน สุดท้าย สิ่งที่สอบกลายเป็นโมฆะ เพราะตุลาการฝ่ายสงฆ์มันช่วยกัน แล้วยังมีอีกหลายวัด
เพราะอย่างนี้แหละ ฉันถึงลาออกจากเจ้าคณะปกครองและสมภาร แต่ฉันก็จะไม่ยอมให้ใครมาทำลายศาสนา
ฉันถามเจ้าพ่อต่อว่า ได้ยินว่า คุณส่งมือปืนไปยิงฉันเหรอ
อุ๊ย สมัยนี้ไม่มีแล้ว มือปืน
ก็ไม่รู้ล่ะ ฉันน่ะไม่ได้กลัวหรอก แต่อยากจะมาบอกว่า หากคุณทำคุณจะเสียหายมากกว่าได้ มีแต่เสียถ้ามาเล่นกับฉัน เพราะฉันเป็นคนไม่มีต้นทุน ชีวิตก็ราคาถูกมาก เพราะฉะนั้น อยากให้คุณตรองดูว่า คุณจะเข้าข้างคนผิด หรือว่า จะอยู่ฝ่ายที่ถูกธรรมถูกวินัย เอากันชัดๆ
ที่จริง ฉันก็ไม่อยากจะพูดให้คุณฟัง แต่ไหนๆ พูดแล้ว ก็พูดเสียเลย ฉันหวังว่าคุณคงจะเข้าใจว่า ฉันมานี่เพราะเหตุอะไร แล้วถ้าหากว่าคุณตัดสินใจยังไง ฉันจะคุยกับคุณได้อย่างไร คุณมีเบอร์โทรศัพท์ไหม
เจ้าพ่อก็มีกิริยาอึกอักๆ หยิบโน่นหยิบนี่
เอ้าๆ งั้น ผมให้เบอร์ผมไป มีปัญหาอะไร ติดต่อผมได้ส่วนตัว ไม่ต้องผ่านเลขาฯ
เสร็จแล้วฉันจึงบอกลาพร้อมอวยพรว่า ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะ แล้วโรคเรื้อนกวางที่เป็นน่ะ เดี๋ยวจะฝากยามาให้
พร้อมเดินทางกลับ
พุทธะอิสระ

บทความ-590725-ดูท่าพรรษานี้ฝนจะไม่ยอมทิ้งช่วงจริงๆ (2)

 

บทความ-590725-ดูท่าพรรษานี้ฝนจะไม่ยอมทิ้งช่วงจริงๆ (1)