ด่วน !!! .. สหรัฐควบคุมตัว “เณรคำ”…หลังหนี 8 คดี ฉาว เตรียมประสานทางการไทย (ติดตามรายละเอียด)
ทีนิวส์ 22 ก.ค. 59
พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงความคืบหน้าคดีเณรคำ ว่าขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ทางสหรัฐอเมริกาว่า ได้จับตัวเณรคำไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการประสานความร่วมมือระหว่าง สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด, กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ของทางสหรัฐอเมริกาทั้งนี้เฉพาะข้อกล่าวหาที่กล่าวหา ที่อยู่ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ยุคธาริต)มี 8 กระทง
1. การใช้สื่อสารสนเทศลงโฆษณาอันเป็นเท็จ ซึ่งน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสาธารณชน ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 เกี่ยวกับการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ เนื่องจากอ้างว่าได้เข้าเฝ้าพระอินทร์ ซึ่งพระอินทร์สั่งให้สร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ ดีเอสไอวิเคราะห์แล้วเห็นว่าความผิดสำเร็จแล้ว
2. กรณีการกระทำชำเราเด็กหญิงและพรากผู้เยาว์ซึ่งเป็นความผิดอาญา มาตรา 277 และ 317 วรรค 3 3. กรณีที่หลวงปู่เณรคำกับพวกมีพฤติกรรมหลบเลี่ยงภาษีรถหรู ซึ่ง
3. กรณีที่หลวงปู่เณรคำกับพวกมีพฤติกรรมหลบเลี่ยงภาษีรถหรู ซึ่งเบื้องต้นพบรถต้องสงสัย 9 คัน ทั้ง บีเอ็มดับเบิลยู มินิคูเปอร์ นิสสันฟิกาโร ซึ่งน่าจะนำออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และรถเบนซ์อีกจำนวนหนึ่งที่ซื้อใน จ.อุบลราชธานี
4. กรณีเสพยาเสพติดให้โทษ
5. การแสดงและใช้วุฒิการศึกษาเท็จว่าจบด็อกเตอร์จากมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษา
6. คดีฆ่าคนตายโดยประมาทจากการขับรถชนคนตาย
7. ความผิดฐานฟอกเงินกรณีการเบียดบังเงินบริจาคไปซื้อทรัพย์สินและการนำเงินไปฝากในต่างประเทศ
8. การอวดอุตริ อภินิหาร
ที่มา : https://headshot.tnews.co.th/contents/197173/
จำได้ว่าในปี ๕๖ ต้นปี พุทธะอิสระรวบรวมพยานหลักฐานเดินทางไปวัดบวร เพื่อยื่นเรื่องเรียกร้องให้สมเด็จองค์ปัจจุบัน เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุติ ในฐานะที่ไอ้เณรคำมันเป็นธรรมยุติ ให้ทำการสอบอรหันต์เณรคำในข้อหาเสเมถุนและอวดอุตริมนุสธรรม
แต่สมเด็จองค์ปัจจุบันไม่ยอมออกมารับเรื่อง
กลับให้ลูกศิษย์ออกมาแจ้งว่าไม่อยู่
พอพุทธะอิสระขอเข้าห้องน้ำ เดินอ้อมไปด้านหลังกุฏิสมเด็จ
เห็นสมเด็จนั่งอยู่ในห้องคุยกับโยมและพระภายในห้อง
พุทธะอิสระจึงต้องเดินไปยื่นหนังสือร้องเรียนกับเลขาสมเด็จ
ต่อมาจึงนำหลักฐานไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญา
ศาลอาญาพิจารณาแล้วไม่รับฟ้อง เพราะพุทธะอิสระมิได้เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ไม่ได้เป็นผู้เสียหายโดยตรง
พุทธะอิสระจึงรวบรวมพยานหลักฐานเดินทางไปแจ้งความต่อดีเอสไอแก่อลัชชีเณรคำในข้อหานำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
จำได้ว่าตอนนั้นนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เป็นผู้ออกมารับเรื่องด้วยตัวเอง
และให้เจ้าพนักงานสอบสวนสอบปากคำฉันอยู่ ๓ ชั่วโมงครึ่ง
ต่อมาดีเอสไอจึงเอาเรื่องที่ฉันแจ้งความไปขยายผล จนนำมาซึ่งการดำเนินคดีถึง ๘ คดีดังที่ปรากฏ
จนในที่สุดอรหอยเณรคำก็หอบเงินหนีไปซุกอยู่ในประเทศสหรัฐถึงทุกวันนี้
ขณะที่ฉันดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับอรหอยเณรคำ
ฉันถูกสังคมและศิษย์ของอลัชชีเณรคำรุมประณามด่าว่า กล่าวหาว่าพุทธะอิสระขี้อิจฉาตาร้อน กลัวคนอื่นดีเกินหน้าเกินตา
แม้แต่เจ้าคณะจังหวัด อำเภอ ตำบล ของธรรมยุติในจังหวัดศรีสะเกษ ที่เป็นพระผู้ปกครองอลัชชีเณรคำอยู่ในเวลานั้น ก็กล่าวหาฉันเป็นคนขี้อิจฉา
จนถึงวันนี้ไม่รู้ว่าคนพวกนี้จะเลิกด่าว่าฉันว่าขี้อิจฉาแล้วหรือยัง
แต่ดูไปแล้วก็คล้ายๆ กับสาวกลัทธิธรรมกายเลย
ที่ใช้มุขขี้อิจฉามากล่าวหาพุทธะอิสระ
หากวันนั้นพุทธะอิสระเป็นคนหูเบา ท้อแท้ ล้มเลิก
วันนี้คดีเจ้าลัทธิธรรมกายคงไม่เดินหน้ามาถึงการออกหมายจับได้เป็นแน่
ใครจะว่าฉันขี้อิจฉาก็ช่าง ไม่อยากให้คนอื่นได้ดีเกินหน้าตัวเองก็เชิญ
พุทธะจะเดินหน้าอิจฉาพวกอลัชชีต่อไปจะหมดแผ่นดิน
เหมือนๆ กับที่กำลังอิจฉาสมเด็จช่วงและนายน้ำฝนแห่งวัดไผ่ล้อม
เท่าที่ฉันสังเกตดู ส่วนใหญ่คนที่ฉันอิจฉา ไม่ว่าจะเป็นนิกรออนปวีณา พุทโธภาวนา ยันตระ สมีเจี๊ยบ เฮียเกษม เณรคำ ธัมมชโย สมเด็จช่วง นายน้ำฝน
ล้วนมีที่ไปเหมือนๆ กันหมด
ซึ่งพุทธะอิสระยังมีบัญชีรายชื่อของอลัชชีที่เข้าข่ายน่าอิจฉาอยู่เป็นเข่ง
แต่คงต้องให้คสช.ได้อยู่ต่ออีกซัก ๕ ปี
จะได้ช่วยกำจัดอลัชชีเหล่านี้ให้พ้นไปจากพระธรรมวินัยเสียที
พุทธะอิสระจะได้อิจฉาพวกอลัชชีน้อยลง ไม่ต้องเหนื่อยอีก
พุทธะอิสระ