พุทธะอิสระสู้อุตส่าห์เตือนแล้วก็ไม่ฟังนี่นาสมเด็จ

0
88

สู้อุตส่าห์ให้โอกาสยื่นข้อเสนอว่าจะเลือกอุ้มขี้ธัมมชโย หรือจะรักษาตำแหน่งสมเด็จ

สู้อุตส่าห์เดินทางไปถวายสังฆทานถึงวัดปากน้ำก็ไปมาแล้ว

กลับได้รับคำตอบว่า เรื่องพระลิขิตมันเกิดมานานแล้ว ให้จบๆ ไปเถิด เพื่อความปรองดอง

เวลาต่อมาก็ให้เจ้าคุณที่เป็นเพื่อนกับพุทธะอิสระมาพูดคุยว่าต้องการจะได้สมณศักดิ์อะไร สมเด็จจะช่วยสนับสนุนให้

พุทธะอิสระตอบกลับไปว่า “จักเป็นในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะเป็น แต่จะไม่เป็นตามที่ผู้อื่นอยากให้เป็น”

ยังๆ ไม่พอ ยังส่งพระมหาเถระที่พุทธะอิสระให้ความเคารพมาเจรจา ทั้งที่ท่านก็อาพาส ว่าให้ยุติให้เลิกเอาเรื่องเอาราวกับสมเด็จช่วงเสีย
พุทธะอิสระจึงต้องกราบเรียนอธิบายให้หลวงพ่อมหาเถระรูปนั้นได้รับรู้ว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว

“มันเป็นเรื่องความอยู่รอดของพระธรรมวินัย หากขืนละเลยนิ่งเฉยทั้งที่กระผมรู้ว่านั้นมันผิด แล้วผมจะบวชอยู่ต่อไปทำไม พระวินัยบัญญัติไว้ชัดเจนว่า

ภิกษุ รู้อยู่ เห็นอยู่ ในอาบัติชั่วหยาบของภิกษุอื่นแล้วช่วยปกปิด เป็นอาบัติปาจิตตีย์นะขอรับ”

หลวงพ่อท่านพอได้ฟังพุทธะอิสระอธิบายท่านเข้าใจท่านจึงพูดว่า
ถ้ามันจะเลวระยำขนาดนั้น ท่านก็ทำให้เต็มที่เพื่อธำรงรักษาพระธรรมวินัยเอาไว้ ผมสนับสนุน

อีกทั้งในเวลาที่ดีเอสไอเขาเรียกพุทธะอิสระให้ไปเซ็นชื่อกล่าวหาสมเด็จช่วง พุทธะอิสระยังเจรจากับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอว่า

“หากเป็นไปได้ช่วยกันสมเด็จช่วงเอาไว้เป็นพยานด้วย เพราะท่านแก่มากแล้ว

ถ้าท่านให้ความร่วมมือแต่โดยดี และท่านรับปากว่าจะดำเนินการกับธัมมชโยตามฐานความผิดปาราชิกดังที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงโจทก์ก็ขอให้เรื่องจบแค่นี้”

อีกทั้งพุทธะอิสระยังขอร้องให้เจ้าคุณที่เป็นเพื่อนกันไปช่วยเจรจาว่า อย่ามัวแต่ห่วงใยอุ้มชูขี้ธัมมชโยอยู่เลย ห่วงตัวเองเถิดว่าจะรอดพ้นคดีนี้หรือเปล่า

สิ่งที่พุทธะอิสระได้รับคำตอบจากเจ้าคุณเพื่อนว่า ฝ่ายโน้นเขาแจ้งกลับมาว่า

“มีปัญญาทำอะไรได้ก็ทำไป จะดูว่าสามารถทำอะไรเขาได้”

ตั้งแต่นั้นมาก็ส่งลิ่วล้อบริวารทาสผู้จงรักภักดีทั้งหลาย ชักแถวเดินหน้าออกมารุมถล่มพุทธะอิสระกันอย่างเมามันจนถึงวันนี้

แล้วเป็นไงล่ะสมเด็จ

ความจริงก็คือความจริง

บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น
ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้ผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว

“ยาทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ ลภเต ผลํ
กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ”

ถึงวันนี้จะมาสำนึกก็สายไปแล้ว

ก็ไม่น่ามักมากทะยานอยากเกินความแก่นี่นา จึงต้องมารับผลอันเผ็ดร้อนเช่นนี้

เสียดายที่สู้อุตส่าห์บวชมาตั้งแต่เป็นเณร

แต่กลับได้ผลคือความทุกข์เผ็ดร้อนตอบแทน

ต้องคนมีปัญญาเท่านั้นถึงจะดูออกว่า

สิ่งที่เกิดขึ้นแก่สมเด็จช่วง ล้วนแต่เกิดโดยวิบากของตนทั้งนั้น

พุทธะอิสระ