บทความ
คาถาใหม่ภัยพระศาสนา
๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
พวกปกป้องอลัชชี คงจะเห็นว่าใช้ไปสารพัดมุขแ
เลยหันมาท่องคาถาใหม่ เรื่องภัยพระศาสนา
ที่จริงก็ไม่ได้เป็นคาถาใหม
คนพวกนี้ เขาท่องเช่นนี้ มาเป็นระยะๆ เพื่อชุบตัว ให้พวกตัวเองดูดี มีคุณค่าควรที่จะดำรงอยู่ แม้จะต้องอาบัติปาราชิกก็ตา
ยิ่งเห็นท่าว่าจะไม่รอด ก็ยิ่งท่องบ่อย ท่องกันทั้งวันทั้งคืน โดยไม่รู้ตัวว่าภัยตัวจริงก
ตกลง เรื่องที่กำลังเกิดอยู่นี้ “มันเป็นภัยของพระศาสนา หรือภัยของอลัชชีกันแน่”
อยากจะตะโกนก้องร้องบอกดังๆ
ที่ต้องสู้อยู่ทุกวันนี้ก็เ
พุทธะอิสระ จึงต้องออกมากำจัดอลัชชี ตามธรรม ตามวินัย โดยอาศัยกฎหมายบ้านเมือง
แต่ที่แน่ๆ สังคมเขามองว่า ผู้ที่ทำให้ศาสนามีภัย ไม่ใช่อื่นใด มันก็คือพวกอลัชชีชั่ว ที่ฝังตัวดูดกินน้ำเลี้ยงพร
ดังที่ปรากฏในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
กิมมิลสูตร
[๕๖] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน ใกล้เมืองกิมมิลา ครั้งนั้นแล ท่านพระกิมมิละเข้าไปเฝ้าพร
ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มี
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยเ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรกิมมิละ เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ไม่เคารพ ไม่ยำเกรงในพระศาสดา … ในธรรม … ในสงฆ์ … ในสิกขา … ในสมาธิ … ในความไม่ประมาท … ในปฏิสันถาร ดูกรกิมมิละ นี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องให้สัทธรรมไม่ตั้งอย
หากมหาเถร ยังชื่นชอบลัทธิธรรมกาย ที่มีเจ้าลัทธิต้องอาบัติปา
ก็ไม่ต่างอะไรกับช่วยกันปกป
สุดท้าย พระธรรมวินัยอันบริสุทธิ์ บริบูรณ์ ต้องถูกบิดเบือน ปลอมปน
นี่แหละ คือ ตัวมหาภัยแท้จริง
พุทธะอิสระ