ประวัติพระสาคตเถระ (ตอนที่ 1)

0
23

ประวัติพระสาคตเถระ (ตอนที่ ๑)
๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๖

พระสาคตเถระ ท่านเกิดในวรรณะพราหมณ์ ในเมืองสาวัตถี บิดามารดาจึงตั้งชื่อท่านว่า สาคตมาณพ เมื่อเจริญเติบโตขึ้นมาได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระบรมศาสดา แล้วเกิดศรัทธาเลื่อมใส กราบทูลขอบรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา เมื่อบวชแล้วได้บำเพ็ญสมณธรรมจนได้บรรลุสมาบัติ ๘ ฝึกฝนจนมีความชำนาญในองค์ฌานนั้น ที่ท่านมีความชำนาญเป็นพิเศษก็คือการเข้าเตโชสมาบัติ

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเสด็จจาริกในเจติยชนบท ได้ทรงดำเนินไปทางตำบลภัททวติกะ (บ้านรั้วงาม) ที่ใกล้ กรุงโกสัมพี แคว้นเจตี ณ ที่ตำบลนั้น

ในอดีตได้เกิดเหตุขึ้น ด้วยมีพวกชนในตำบลนั้นเป็นอันมากด้วยกันต่างตั้งตนเป็นศัตรูของนายเรือเก่าที่ท่าน้ำ แล้วพากันยกพวกไปตีนายเรือนั้นตาย นายเรือนั้นก่อนจะสิ้นลม จึงได้ตั้งจิตพยาบาทอาฆาตแค้น บังเกิดเป็นนาคราชมีอานุภาพมากอยู่ ณ ที่ท่าเรือนั้น

และด้วยความแค้นเคืองชาวบ้านในตำบลนั้น พญานาคนั้นจึงบันดาลให้ฝนตกในเวลาที่มิใช่หน้าฝน ไม่ให้ฝนตกในเวลาเป็นหน้าฝน ข้าวกล้า ก็พากันล้มตาย ที่ไม่ตายก็โตแบบไม่สมบูรณ์ พวกชาวตำบลนั้นต้องทำการเซ่นสังเวยทุกปี สร้างศาลหลังหนึ่งให้นาคราชนั้นอยู่ พร้อมทั้งนำเครื่องเซ่นบัตรพลีมาบูชา เพื่อให้นาคราชนั้นช่วยกรุณาบันดาลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล

โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเสด็จจาริกมายังเจติยชนบท ได้ทรงดำเนินไปทางตำบลภัททวติกะ (บ้านรั้วงาม) ทรงมีพระประสงค์จะประทับค้างคืน ณ ใกล้ศาลนั้น คนเลี้ยงโค คนเลี้ยงปศุสัตว์ คนชาวนา คนเดินทาง ได้แลเห็นพระผู้มีพระภาคกำลังทรงดำเนินมาแต่ไกล ก็ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า

ขอพระองค์อย่าได้เสด็จไปยังท่าน้ำอัมพะ (ท่ามะม่วง) ที่ศาลนาคราชอาศัยอยู่นั้นเลย พระพุทธเจ้าข้า เพราะที่ท่ามะม่วงมีนาคชื่ออัมพติฏฐกะ ผู้มีอัธยาศัยดุร้ายสถิตอยู่ในบรรณศาลาหลังนั้น อีกทั้งนาคตนนี้ เป็นสัตว์มีฤทธิ์มาก มีพิษร้าย มันจะทำร้ายพระองค์เอาได้

พระผู้มีประภาคเจ้า ทำเป็นเหมือนไม่ทรงได้ยินถ้อยคำห้ามปรามของคนเหล่านั้น

ชนเหล่านั้นจึงได้กราบทูลห้ามอยู่เช่นนั้นถึง ๓ ครั้ง แต่องค์พระบรมศาสดาก็ยังทรงวางเฉย เสด็จไปสู่ที่อาศัยของอัมพติฏฐกะ นาคราชนั้น

ครั้งนั้นพระสาคตเถระตามเสด็จเป็นพุทธอุปัฏฐากมาด้วย พระเถระเมื่อได้ทราบว่า มีนาคราชที่มีนิสัยเกลียดมนุษย์ และแสดงอาการดุร้ายอยู่ใกล้ที่ประทับของพระบรมศาสดานั้น จึงคิดว่า เราควรจะทรมานนาคราชนี้ให้หายพยศแล้วนำบรรณศาลานั้นมาจัดแจงที่ประทับสำหรับองค์พระบรมศาสดา

พระสาคตเถระคิดดังนี้แล้ว จึงได้เข้าไปยังบรรณศาลานั้น ปูเครื่องลาดที่ทำด้วยหญ้า นั่งขัดสมาธิ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า

นาคนั้นพอแลเห็นท่านพระสาคตะเข้ามาดังนั้น เห็นเป็นการลบหลู่อำนาจของตนจึงเกิดความดุร้ายขุ่นเคือง โกรธแล้วกล่าวว่า สมณะโล้นนี้ชื่อไร จึงบังอาจเข้าไปนั่งยังที่อยู่ของเรา แล้วพ่นควันพิษใส่พระเถระ ในทันใดนั้นท่านพระสาคตะก็บันดาลควันพิษที่รุนแรง หนาแน่นกว่าเข้าข่ม

นาคตนนั้นก็ยิ่งทนความลบหลู่ไม่ได้ จึงพ่นไฟหมายใจคิดจะเผาลนทำร้ายพระเถระในทันที ท่านพระสาคตะจึงได้เข้าเตโชธาตุกสิณสมาบัติ บันดาลไฟที่หนาแน่น รุนแรงกว่าเข้าต้านทานไว้

ครั้นท่านครอบงำไฟของนาคนั้นด้วยเตโชกสิณแล้ว นาคคิดว่าภิกษุรูปนี้ มีฤทธิ์มาก อานุภาพมากจริงหนอ จึงละความกราดเกรี้ยว แปลงกายเป็นมนุษย์ตรงเข้าหมอบกราบลงแทบเท้าพระเถระพร้อมกล่าวว่า

ท่านผู้เจริญ ข้าพระเจ้า ขอถึงท่านเป็นสรณะ

พระเถระบอกว่า กิจด้วยสรณะสำหรับเราไม่มีดอก ท่านจงถึงซึ่งพระทศพลเป็นสรณะเถิด

นาคนั้นรับคำว่า ดีละ แล้วประกาศตนเป็นผู้ถึงพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสรณะ

ตั้งแต่นั้น นาคก็ไม่เบียดเบียนใคร ๆ ทำฟ้าฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล ข้าวกล้าทั้งหลายก็สมบูรณ์พูนผล เกียรติคุณของพระสาคตเถระทรมานนาค แผ่ไปทั่วชนบท

พระผู้มีพระภาคทรงประทับอยู่ ณ ตำบลบ้านรั้วงาม ตามพระพุทธาภิรมย์แล้ว จึงเสด็จหลีกไปสู่จาริกทางพระนครโกสัมพี พวกอุบาสกชาวพระนครโกสัมพีได้ทราบข่าวว่า พระคุณเจ้าสาคตะได้ทรมานอัมพติตถนาคผู้อยู่ ณ ตำบลท่ามะม่วงได้ ต่างรอคอยการเสด็จมาของพระศาสดา พร้อมจัดแจงเครื่องสักการะเป็นอันมากสำหรับถวายพระผู้มีพระภาคเจ้าและหมู่พระภิกษุ

เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกถึงพระนครโกสัมพี พวกอุบาสกชาวพระนครโกสัมพีพากันรับเสด็จพระผู้มีพระภาคแล้ว

ต่อมาจึงได้เข้าไปหาท่านพระสาคตะ กราบไหว้แล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วถามท่านว่า ท่านขอรับอะไรเป็นของหายากและเป็นของชอบของพระคุณเจ้า พวกกระผมจะจัดของอะไรถวายแก่พระคุณเจ้าดี?

ชนทั้งหลายถามอย่างนั้นแล้ว พระเถระก็นิ่งเสีย

แต่พระฉัพพัคคีย์ (พวกภิกษุเหลวไหลทั้ง ๖ ที่ชอบก่อเรื่องเสียหายทำให้พระพุทธเจ้าต้องทรงบัญญัติสิกขาบทหลายข้อ) ได้กล่าวตอบคำนี้กะพวกอุบาสกว่า มี ท่านทั้งหลาย สุราใสสีแดงดังเท้านกพิราบ พวกบรรพชิตหาได้ยากนัก และก็เป็นของชอบใจด้วย ถ้าพวกท่านเลื่อมใสพระเถระละก็จัดสุราสีแดงดังสีเท้านกพิราบมาถวายเถิด

เวลาต่อมา พวกอุบาสกชาวพระนครโกสัมพี ได้จัดเตรียมสุราใสสีแดงดังเท้านกพิราบไว้ทุกๆ ครัวเรือน พอเห็นท่านพระสาคตะเดินมาบิณฑบาต ก็พากันถวายน้ำสุรานั้น บ้านละหน่อยๆ พระเถระถูกผู้คนทั้งหลายคะยั้นคะยอ เพราะยังไม่ได้ทรงบัญญัติสิกขาบท ก็ดื่มทุกเรือนหลังละหน่อยๆ เดินไปไม่ไกลนักก็สิ้นสติล้มลงที่กองขยะ เพราะไม่มีอาหารรองท้อง

เวรหละ พระอรหันต์ฉันสุราเข้าเสียแล้ว ทีนี้จะทำยังไงกันหละ อยากรู้เรื่องต่อก็ต้องโปรดติดตามตอน ๒ ต่อไป

เต้ง เต๊ง แต้ เต่ง เตง

พุทธะอิสระ

——————————————–

ลิ้งค์จาก : https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/pfbid0Hcb6To49K3H1DSDj3gakJtPNv2sGtxLStByMEKd56eLsFM76hhLKuAUvSUWtcrRZl