วันนี้มีการมอบคืนที่ดินที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายในเขตที่ดินปฏิรูปในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งในภาวะปกติก็คงไม่เป็นข่าวใหญ่โตอะไรมากมาย แต่บังเอิญคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยมีความสัมพันธ์มากเป็นพิเศษกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยแห่งหนึ่ง และยิ่งกว่านั้นเป็นลูกศิษย์ระดับแนวหน้าของวัดพระธรรมกาย ที่ขณะนี้กำลังตกเป็นเป้าของการตรวจสอบและการดำเนินการทางกฏหมาย เพราะฉะนั้นจึงทำให้การยึดที่ดิน สปก. คืนภายใต้การใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในขณะนี้จึงมีความหมายมากเป็นพิเศษ
นี่อาจจะเป็นการมอบคืนที่ดินเพื่อการปฏิรูปเพื่อการเกษตร หรือที่เรียกกันว่า สปก. ที่เอิกเกริกที่สุดแต่นางเพียงใจ หาญพาณิชย์ เป็นมากกว่านักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งที่รู้สึกสำนึกผิดที่ได้ที่ดินมาอย่างผิดกฎหมายและยอมมอบคืนให้กับทางการ
เธอเป็นมารดาของ นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานคณะกรรมการบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ บริษัทสร้างบ้าน และทั้งสองคนเป็นศิษย์แถวหน้าของวัดพระธรรมกาย และได้ออกมาปกป้องและแสดงความเลื่อมใสต่อพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้อย่างเปิดเผย
เพียงสามวันหลังจากหัวหน้า คสช. ประกาศใช้มาตร 44 ยึดคืนที่ดิน สปก. ที่ผิดกฎหมาย ที่ดิน 1,263 ในอำเภอไทรโยก จังหวัดกาญจนบุรี ของนางเพียงใจ ก็ตกเป็นเป้าการถูกยึดคืนทันที
แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ บอกกับ PRIME TIME ว่า ขณะนี้กำลังพุ่งเป้าการตรวจสอบการครอบครองที่ดินอย่างผิดกฎหมายของกลุ่มทุนต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ใช้เครือญาติเป็นนอมินีในการกว้านซื้อดินให้กับพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
ดีเอสไอกำลังขอความร่วมมือกับกองทัพในกรณีที่ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้เพียงลำเพียง เพราะบางพื้นที่มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลอยู่ จึงต้องอาศัยอำนาจของคสช.และกำลังพลจากกองทัพ เข้าไปดำเนินการ
วันนี้นางเพียงใจได้ทำการมอบคืนที่ดินทั้งหมดให้กับ สปก. กาญจนบุรี ท่ามกลางสื่อมวลชนจำนวนมาก นางเพียงใจอ้างว่าได้ซื้อที่ดินดังกล่าวโดยไม่รู้ว่าเป็นที่ดินปฏิรูป และมีกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่อ้างว่าเป็นที่ดินที่ออกโฉนดได้จึงได้ตัดสินใจซื้อที่ดินกว่า 3,000 ไร่ในราคา 36 ล้านบาทเมื่อปี 2532ในช่วงรัฐบาลชาติชาย ชุณหะวัณ แต่เธออ้างว่าสุดท้ายได้ที่ดินมาเพียง 1,263 ไร่เพราะถูกโกง
นายวัชรินทร์ วากะมะนนท์ ส.ป.ก.กาญจนบุรีเปิดเผยว่าจะทำเกียรติบัตรให้กับนางเพียงใจเพื่อให้เป็นแบบอย่างที่ดี และที่ดินที่ได้รับคืนมาก็จะเอาไปจัดสรรให้กับเกษตรกรผู้ยากไร้
แหล่งข่าวเปิดเผยว่ามีพื้นที่อย่างน้อย75 แปลงที่ เป็นเป้าของการตรวจสอบของดีเอสไอการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าบางแปลงอยู่ในการครอบครองของกลุ่มทุนใหญ่ ที่มีความเชื่อมโยงกับวัดพระธรรมกาย
ดีเอสไอยังพบว่ามีเงินบริจาคจากคนกลุ่มนี้เข้าวัดพระธรรมกายครั้งละเป็นจำนวนมาก ดีเอสไอกำลังรอสอบปากคำ พระครูใบฎีกาอำนวยศักดิ์ มุนิสโก และพระถวัลย์ศักดิ์ ผู้คุมการเงินภายในวัดพระธรรมกาย ทั้งสองอยู่ในกลุ่มพระห้ารูปที่ใกล้ชิดพระธัมมชโยที่ได้รับหมายเรียกสอบปากคำจากดีเอสไอเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ได้ขอเลื่อนการให้ปากคำไปเป็นวันที่ 21 กรกฎาคม
ดีเอสไอต้องการสอบปากคำพำระทั้งห้ารูปเนื่องจากมีบางส่วนพัวพันกับ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และอัยการได้แจ้งให้ดีเอสไอสอบเส้นทางการเงินของวัดพระธรรมการเพิ่มด้วยเช่นกัน
ดินที่ตกเป็นเป้าของการตรวจสอบของดีเอสไอ ยังรวมถึงพื้นที่ที่เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม ที่จังหวัดปราจีนบุรีที่อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย และที่เกาะยาว จังหวัดพังงา หลังจากมีผู้ส่งหนังสือร้องเรียนเพื่อให้เข้าไปจตรวจสอบในก่อนหน้านี้
ปัจจุบัน วัดพระธรรมกายที่ ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี มีพื้นที่ประมาณ 2,500 ไร่ และมีการขยายสาขาศูนย์ปฏิบัติธรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมแล้ว131 แห่ง เฉพาะในประเทศมีศูนย์ปฏิบัติธรรม51 แห่ง แบ่งเป็นภาคเหนือ 20 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 แห่ง ภาคกลางและตะวันตก 9 แห่ง ภาคตะวันออก 8 แห่ง และภาคใต้อีก3 แห่ง
ส่วนต่างประเทศ หลังจากไปเปิดสาขาที่รัฐ California สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2535 ก็มีการเปิดสาขาและศูนย์ปฏิบัติธรรมในต่างประเทศเพิ่มกระทั่งปัจจุบันมีถึง 80 แห่ง กระจายอยู่ทั่วทุกทวีปทั้งอเมริกา ยุโรป เอเชีย โอเชียเนีย ตะวันออกกลางและแอฟริกา โดยสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีสาขาของวัดพระธรรมกายมากที่สุด ถึง 14 แห่ง
ขอขอบคุณข่าวจาก nationtv.tv