วัดพระธรรมกายต่อรอง”ดีเอสไอ”ในการขอมอบตัวพระธัมมชโยแลกกับการไม่ถูกจับสึก หลังทราบว่าอาจมีการใช้มาตรา44เข้ามาจัดการ รวมทั้งอัยการยังประสานให้ดีเอสไอสอบสวนเส้นทางการเงินที่มีการบริจาคมายังวัดพระธรรมกาย เพื่อพิสูจน์ว่าเจ้าวัดอาวาสวัดพระธรรมกายรับเงินเป็นลำดับสุดท้ายหรือไม่ และวันนี้รองผบ.ตร.ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินสาขาวัดพระธรรมกายที่จ.นครราชสีมา
ดีเอสไอ ยังคงเดินหน้าเพื่อกดดันให้ พระธัมมชโย มอบตัวสู้คดีในข้อหารับของโจรและฟอกเงิน อย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง ให้สัมภาษณ์ยืนยันตามข้อมูลที่ “ไพร์มไทม์”นำเสนอมาก่อนหน้านี้แล้วว่า พนักงานสอบสวนสำนักคดีการเงินการธนาคารได้เรียกสอบปากคำพระสงฆ์ใกล้ชิดกับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จำนวน 5 รูป ในประเด็นที่พนักงานอัยการสำนักคดีพิเศษ สั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงถึงการบริหารงานภายในวัดว่า ใครมีหน้าที่อย่างไรบ้าง พระรูปใดมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องการเงินของวัด การดูแลบริหารมูลนิธิอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง และพระธัมมชโย ผู้ต้องหาในคดีเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไร
พระสงฆ์ ทั้ง 5 รูป ประกอบไปด้วย พระทัตตชีโว ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นเบอร์สองของวัดรองจากพระธัมมชโย และเป็นผู้รับผิดชอบการวางยุทธวิธีรับมือกับสถานการณ์ขณะนี้ทั้งหมด , พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ กรรมการบริหารของวัดซึ่งเป็นผู้ควบคุมฝ่ายปฏิบัติการทั้งหมด ,พระสุธรรม สุธัมโม เจ้าอาวาสวัดธรรมกายที่นครดซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเชี่ยวชาญด้านกฏหมาย , พระครูใบฎีกาอำนวยศักดิ์ มุนิสโก และ พระถวัลย์ศักดิ์ ซึ่งดูแลด้านการเงิน
โดยประเด็นที่พนักงานสอบสวนจะ เรียกพระสงฆ์ ทั้ง 5มาให้ปากคำ เกี่ยวเนื่องกับการ บริหารงานภายในวัดพระธรรมกาย มูลนิธิต่างๆของวัด และจุดเชื่อมโยงเกาะเกี่ยวของพระธัมมชโย ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันรับของโจร สมคบฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน ในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้
เพียงแต่ ขณะนี้ได้รับหนังสือแจ้งขอเลื่อนนัดให้ปากคำจากพระสุธรรม ซึ่งอ้างว่าติดภารกิจ ขอเลื่อนการให้ปากคำเป็นวันที่ 21 กรมกฎาคม แทน
ดีเอสไอเชื่อว่าพระทั้งห้ารูปเป็นคนที่ใกล้ชิดและได้รับความไว้วางใจจากพระธัมมชโยมากที่สุด และที่ผ่านมามีบทบาทสำคัญในการควบคุมเครือข่ายศิษยานุศิษย์และมวลชนของวัด การออกหมายเรียกเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของดีเอสไอที่จะสร้างแรงกดดันต่อพระธัมมชโยที่ปฏิเสธจะมอบตัวด้วยข้ออ้างว่ายังอยู่ในอาการอาพาธ
แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ล่าสุด วัดพระธรรมกายได้ติดต่อเข้ามาเพื่อสอบถามถึงการเข้ามอบตัวของพระธัมมชโย ก่อนถูกจับกุมตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 44 รวมถึงเงื่อนไขขอประกันตัว หลังเข้ามอบตัว โดยวัดยังยืนยันว่า พระธัมมชโยต้องได้รับการประกันตัวทันที เพื่อเลี่ยงการถูกคุมขังและนำไปสู่การสึกจากความเป็นพระ
ส่วนคดีฟอกเงินและรับของโจร และคดีบุกรุกทำลายทรัพยากรกรณีการตั้งสาขาวัดพระธรรมกายในพื้นที่ต่าง ๆ ดีเอสไอได้ส่งเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงินกับทรัพย์สินแล้ว เนื่องจากพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามมูลฐานการฟอกเงินที่สามารถยึดและอายัดทรัพย์ได้ คาดว่าการดำเนินการทั้งหมดจะมีความชัดเจนหลังวันที่ 13 ก.ค. นี้. ซึ่งอัยการกำหนดนัดฟังคำสั่งในคดี
ดีเอสไอได้รับการประสานจากอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ให้สอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง เพื่อพิสูจน์ให้ชัดเจนว่าพระธัมมชโยเป็นผู้รับผลประโยชน์คนสุดท้ายจากเช็คบริจาคจำนวนมาก ล่าสุดอัยการขอให้ดีเอสไอสอบสวนเพิ่มเติมไปถึงปมความเชื่องโยงระหว่างการเงินของวัดธรรมกาย เครือข่ายมูลนิธิต่างๆ กับพระธัมมชโย
“ไพร์มไทม์” พยายามติดต่อเจ้าหนจ้าที่จากวัดธรรมกาย เพื่อสอบถามรายละเอียด แต่ก็ไม่มีผู้ใดให้ข้อมูล
ดร.มโน เลาหวณิช อดีตศิษย์เอกธรรมกาย บอกกับ”ไพร์มไทม์” ว่า การต่อสู้ของวัดพระธรรมกาย มีกลิ่นไอของความเป็นการเมืองสูงมาก โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็ต่อเมื่อบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย”
แม้ ดร.มโน จะไม่ได้พูดชัด แต่เจ้าของวาทะประโยคนี้ เป็นยุทธศาสตร์ของการเมืองจากฝ่ายพรรคเพื่อไทย ที่อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ใช้เป็นเครื่องมือมาตอลด
อดีตศิษย์เอกธรรมกายรายนี้ ตั้งข้อสังเกตุด้วยว่า หากพระธัมมชโย ไม่มั่นใจเครือข่ายของพวกเขา ที่มีทั้งวัดและสานุศิษย์ ในและนอกประเทศ จำนวนหลายแสนคน พระธัมมชโย คงไม่เล่นเกมยื้อมาได้จนถึงขณะนี้ แต่ที่สำคัญการต่อสู้ของวัดธรรมกาย ตั้งแต่ปี 2532 จนถึงขณะนี้ มีทั้งหมด 52 คดี ก็ชนะหมด
สำหรับความคืบหน้าคดีฟอกเงิน สืบเนื่องจากการยักยอก ฉ้อโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นนั้น ในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ พ.ต.ท.บรรฑูรย์ ฉิมกรา ผู้บัญชาการ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 และนายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการสำนักการสอบสวน จะเดินทางไปแจ้งข้อกล่าวหากับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯที่เรือนจำกลางบางขวาง นายศุภชัย ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินอีก 3 สำนวน คือ กรณีที่มีการนำเงินจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นไปตั้งบริษัท เอส ดับบลิว โฮลดิ้งส์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด
กรณีที่พบว่านายศุภชัย นำเงินจากสหกรณ์ไปให้นายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล ซื้อที่ดิน โดยถือครองในชื่อบริษัท เอส ดับบลิว โฮลดิ้งฯ และกรณีนายศุภชัยนำเงินจากสหกรณ์ไปซื้อหุ้นของบริษัท เอ็ม โฮม เอส พี วี 2 จำกัด
ในส่วนของนายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล พนักงานสอบสวนมีหมายเรียกให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีฟอกเงินในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้ และออกหมายเรียกกรรมการบริหารและเจ้าหน้าที่สหกรณ์ที่ร่วมเซ็นเช็คผ่องถ่ายเงินออกจากสหกรณ์มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 11 กรกฎาคม
และในบ่ายวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าตรวจยึดที่ดินศูนย์ปฏิบัติธรรม เวิลด์พีซวัลเล่ย์ เขาใหญ่ ของวัดพระธรรมกาย หลังพบว่าพื้นที่กว่า 400 ไร่ บุกรุกพื้นที่เขตนิคมสร้างตนเอง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามปฏิบัติการตรวจยึดพื้นที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมเวิลด์พีช วัลเล่ เขาใหญ่
โดยแผนปฏิบัติการวันนี้เจ้าหน้าที่ ได้แบ่งกำลังออกเป็น2ส่วนเพื่อเขาตรวจสอบ ซึ่งพบว่ามีพื้นที่บางส่วน เนื้อที่มากกว่า 100 ไร่ ไม่มีเอกสารครอบครองสิทธิ์ และก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งการสร้างอาคารปิดกั้นทางเดินน้ำตามธรรมชาติ และสร้างอาคารปิดกั้นทางสาธารณะ
ศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ บ้านหนองจอก ม.6 ต.โป่งตาลอง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และกินอาณาบริเวณกว้างใหญ่อยู่ในเขตนิคมสร้างตนเองลำตะคอง จ.นครราชสีมา มีพื้นที่ทั้งหมดจำนวน 480 ไร่ ซึงเจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสอบประเภทที่ดิน หากไม่พบ จะยึดทันที
ขอบคุณข่าวจาก nationtv.tv