ทันเหตุการณ์กับหลวงปู่พุทธะอิสระ
สมเด็จช่วงพร้อมแจงเป็นลายลักษณ์อักษร รอคำถามDSI
๑๖ มีนาคม ๒๕๕๙
ทนายเผยยังไม่อนุญาต “ดีเอสไอ” สอบปากคำ “สมเด็จช่วง” – ต้องทำหนังสืออย่างเป็นทางการมาอีกครั้ง
ทนายเผยยังไม่อนุญาต “ดีเอสไอ” สอบปากคำ “สมเด็จช่วง” กรณีครอบครองรถเบนซ์โบราณ แต่มีการหารือกันเพื่อกำหนดกรอบในการสอบปากคำเท่านั้น ลั่นให้ทำหนังสือขอเข้ามาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง แจงที่มาของเงิน 4 ล้าน ผู้มีจิตศรัทธามอบเงินสด 1 ล้านแก่ “เจ้าอาวาสวัดปากน้ำฯ” โดยตรง จึงไม่มีใบอนุโมทนาบัตร แต่มีหลักฐานการสั่งจ่ายเช็คชัดเจน ส่วนอีก 3 ล้านชาวบ้านรวบรวมกันมา โดยมอบให้ “หลวงพี่แป๊ะ” ดำเนินการ
จากกรณีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ นัดหมายเดินทางไปสอบปากคำ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ กรณีเป็นผู้ครอบครองรถเบนซ์โบราณ หมายเลขทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 16 มี.ค. เวลา 20.00 น. ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ตามที่ปรากฎเป็นข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (16 มี.ค.) เวลาประมาณ 17.00 น. บรรยากาศภายในวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พุทธศาสนิกชนยังคงเข้ามาทำบุญตามปกติ โดยไม่มีกลุ่มสนับสนุนหรือคัดค้านแต่อย่างใด นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่วัดได้จัดเตรียมสถานที่รองรับสื่อมวลชน บริเวณชั้น 2 ของพระมหาเจดีย์มหารัชมงคลซึ่งคาดว่าจะมาเป็นจำนวนมาก
ต่อมา เวลา 17.30 น. นายสมศักดิ์ โตรักษา หัวหน้าทีมกฏหมายวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ให้สัมภาษณ์ว่า สมเด็จช่วง จะลงมาพูดคุยกับ ดีเอสไอ ด้วยตัวเองแต่จะเป็นการหารือเพื่อกำหนดกรอบในการสอบปากคำว่าเกี่ยวข้องกับ ความผิดในการจัดซื้อรถยนต์จดประกอบในขั้นตอนใดบ้าง แต่จะยังไม่อนุญาตให้ดีเอสไอทำการสอบปากคำสมเด็จช่วงตามที่ร้องขอ และหากดีเอสไอต้องการให้เกิดความรวดเร็วในการสืบสวนต้องทำหนังสือถึง สมเด็จช่วง ว่าจะมาสอบปากคำอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่มาของเงินซื้อรถเบนซ์โบราณ จำนวน 4 ล้านบาทนั้น ผู้มีจิตศรัทธาได้มอบเงินสดผ่านโครงการซื้อรถโบราณ จำนวน 1 ล้านบาทแก่สมเด็จช่วงโดยตรง เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อรถยนต์คันดังกล่าว ซึ่งเป็นการบริจาคส่วนตัว จึงไม่มีใบอนุโมทนาบัตร แต่มีหลักฐานการสั่งจ่ายเช็คชัดเจน โดยผู้บริจาคได้เข้าให้ปากคำกับดีเอสไอแล้ว ส่วนเงินอีก 3 ล้านบาท ได้มาจากการรวบรวมจากผู้มีจิตศรัทธาผ่านโครงการซื้อรถโบราณเช่นกันโดยมอบให้พระมหาศาสนามุนี หรือหลวงพี่แป๊ะเป็นผู้ดำเนินการ
ขอขอบคุณ สํานักข่าวไทย TNAMCOT และ ข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง