ทันเหตุการณ์กับหลวงปู่พุทธะอิสระ
คุก คุก คุก กรรมคนโกงสหกรณ์คลองจั่น
๑๔ มีนาคม ๒๕๕๙
8 มีนาคม 2559 ศาลอาญา นัดสืบพยานโจทก์นัดแรก คดีหมายเลขดำอ.1739/2558 นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เป็นจำเลยในความผิดฐานยักยอกทรัพย์
แต่ยังไม่ทันได้สืบพยานในศาล ปรากฏว่า นายศุภชัยรับสารภาพหน้าบัลลังก์
คดีนี้ อัยการโจทก์ ยื่นฟ้องระบุความผิดว่า การประชุมเลือกนายศุภชัย เป็นประธาน เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2556 ไม่ถูกต้อง นายทะเบียนไม่รับรองตำแหน่งประธาน จากนั้นระหว่างวันที่ 10 เม.ย.-8 ต.ค. 2556 นายศุภชัยอาศัยตำแหน่งประธาน กระทำการทุจริต ให้เจ้าหน้าที่บัญชีเบิกเงินสดของสหกรณ์หลายครั้ง ครั้งละ 184,000-6 ล้านบาท รวมประมาณ 22 ล้านบาท เข้าบัญชีของนายศุภชัย หรือบุคคลที่สาม
เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน 8 กระทง
ศาลอาญาพิพากษาให้จำคุกทั้งสิ้น 32 ปี จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงโทษจำคุก 16 ปี พฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรง โทษจำคุกจึงไม่มีเหตุให้รอลงอาญา
1) คดีนี้ ถือเป็นคดีแรกที่ศาลอาญามีคำพิพากษา จากทั้งหมด 6 คดี ที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ
คดีโกงสหกรณ์คลองจั่นที่เหลืออยู่ เช่น
คดีพิเศษที่ 146/2556 ยักยอกทรัพย์ มูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท นายศุภชัยและพวก ร่วมกันสั่งจ่ายเช็คของสหกรณ์แก่บุคคล รวม 878 ฉบับ ดีเอสไอกำลังสอบสวนเพิ่มเติม อาจจะมีการตั้งข้อหาฟอกเงินหรือรับของโจร กับผู้ได้รับเช็คบางกลุ่มด้วย
ในทางตรวจสอบ พบว่า เส้นทางเงินบางสายไหลเข้าสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนมงคลเศรษฐี ตั้งอยู่ในอาณาจักรวัดพระธรรมกาย นายศุภชัยเป็นผู้ก่อตั้งเอง เปิดให้บริการสินเชื่อเพื่อทำบุญกับวัดพระธรรมกายด้วย
โดยนายศุภชัยเคยเป็นถึงไวยาวัจกร มีความสนิทชิดใกล้ซีอีโอของวัดพระธรรมกาย
เงินบางสาย ถึงขนาดไหลเข้าบัญชีส่วนตัวของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายโดยตรง อ้างว่าทำบุญ ปรากฏว่า มีการจ่ายเช็คเข้าบัญชีพระราชภาวนาวิสุทธิ์ บางครั้งยอด 100 ล้านบาท บางวันหลายฉบับ รวมหลายร้อยล้านบาท ตลอดจนกลุ่มพระในเครือข่ายธรรมกายอีก มูลค่ารวมกว่า 2 พันล้านบาท ระหว่างเดือนมีนาคม 2552 ถึงกุมภาพันธ์ 2554
บรรดาผู้ได้รับเช็คไปจากนายศุภชัย โดยไม่มีมูลหนี้ เช่น อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีคลังในยุครัฐบาลเพื่อไทย หลายร้อยล้านบาท ดีเอสไอจะดำเนินคดีฟอกเงินหรือรับของโจร
พระวัดพระธรรมกาย ก็อยู่ในข่ายได้รับเช็คจากนายศุภชัย โดยไม่มีมูลหนี้เช่นกัน
คดีพิเศษ 63/2557 ฉ้อโกงประชาชน นายศุภชัยและพวก พฤติการณ์ร่วมกันจัดทำรายงานประจำปี 2552-2555 ตกแต่งบัญชี ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่า ผลประกอบการดี นำเงินมาฝาก แต่ความจริงหมกเม็ด ลูกหนี้ที่กู้ไปมีปัญหา ผู้บริหารมีการเปิดบัญชีธนาคารเชื่อมโยงกับบัญชีหลักของสหกรณ์ และผ่องถ่ายเงินจากบัญชีนี้อีกทอดหนึ่งความเสียหาย 6,800 ล้านบาท นายศุภชัยยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ปัจจุบัน อยู่ในชั้นอัยการ
คดีพิเศษที่ 68/2558 ฟอกเงิน นายศุภชัยและพวก ผ่องถ่ายเงินที่ยักยอกจากสหกรณ์ โดยสั่งจ่ายเช็คให้แก่นายสถาพร ซึ่งอดีตพระลูกวัดพระธรรมกาย และต่อมานายสถาพรนำเงินไปซื้อทรัพย์สิน ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง ในนามตนเองและในนามของบริษัท นอกจากนี้ยังได้รับโอนหุ้นมูลค่านับพันล้านบาทจากนายศุภชัยด้วย
คดีพิเศษที่ 99/2558 ฟอกเงิน เกี่ยวข้องกับยักยอกเงินสหกรณ์ 321 ล้านบาท ไปซื้อหุ้นของบริษัทเอกชนพร้อมที่ดินมากกว่า 300 ไร่ ใกล้กับวัดพระธรรมกาย เป็นต้น ฯลฯ
คดีเหล่านี้ ยังอยู่ในชั้นสอบสวน ทั้งหมดให้การปฏิเสธ
2) ในด้านการฟื้นฟูสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งมีสมาชิกกว่า 50,000 ราย
หลังถูกโกงจนเหลือแต่กระดูก
สินทรัพย์เหลืออยู่ประมาณ 4 พันกว่าล้านบาท แต่มีหนี้สินมหาศาลถึง 17,000 ล้านบาท
ศาลล้มละลายมีคำสั่งเห็นชอบกับแผนฟื้นฟูกิจการของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นแล้ว
ถือเป็นการฟื้นฟูกิจการสหกรณ์แห่งแรก และยังมีจำนวนเจ้าหนี้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วย
ตามแผนการชำระหนี้ วางไว้นานสุดที่ 26 ปี ระหว่างนี้ ผู้ฝากเงินไม่สามารถเบิกถอนได้ตามปกติ แต่ถือเป็นเจ้าหนี้ที่จะต้องทยอยได้รับเงินคืนตามแผนฟื้นฟูกิจการ
นอกจากนี้ สหกรณ์คลองจั่นยังจำเป็นต้องได้รับสินเชื่อสนับสนุนจากภาครัฐ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาเป็นทุนในการต่อยอดหารายได้ต่อไปโดยมีโครงการจะนำเงินส่วนนี้ปล่อยกู้ต่อสหกรณ์อื่นๆ และสมาชิกของสหกรณ์ฯ คลองจั่น คู่ขนานไปกับการติดตามเงินที่ถูกผ่องถ่ายออกไปจากสหกรณ์โดยทุจริตอีกกว่า 16,000 ล้านบาท
พูดง่ายๆ ว่า ถ้าได้เงินที่ถูกโกงไปกลับคืนมาทั้งหมด ก็แทบไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเงินสนับสนุนจากภาครัฐเลย เพียงแต่ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะติดตามเอาเงินโกงกลับคืนมาได้ทั้งหมด
ล่าสุด ทราบว่า ตัวแทนสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นได้ยื่นหนังสือเร่งรัดติดตามเงินคืน จำนวน 377 ล้านบาท จากทางวัดพระธรรมกาย ซึ่งนายศุภชัย อดีตประธานสหกรณ์ (อดีตไวยาวัจกรของวัด) ได้สั่งจ่ายเช็คให้โดยไม่มีมูลหนี้ต่อกันแล้ว
ต้องจับตามองว่า เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จะยินยอมคืนเงินให้แต่โดยดี หรือจะต้องให้ไปฟ้องคดีเอา หรือฟ้องคดีก่อนแล้วค่อยยอมเจรจาคืนเงิน เหมือนที่ผ่านมา
3) น่าจับตามองว่า ในบรรดาคดีที่เหลืออยู่ นายศุภชัย ตัวละครหลักของเรื่องนี้ จะเอาอย่างไร
หลังจากคดีแรก นายศุภชัยได้แถลงต่อศาล ขอกลับคำให้การเดิมที่ปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี เป็นยินยอมให้การรับสารภาพ ศาลเมตตาลดโทษกึ่งหนึ่ง แต่คดีที่เหลืออยู่ ยังอยู่ในชั้นอัยการและพนักงานสอบสวน นายศุภชัยจะเอาอย่างไร?
จะปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา หรือยอมรับสารภาพหรือไม่ ในคดีใด? จะซัดทอด หรือให้การเป็นประโยชน์ อาจจะได้รับความเมตตาจากศาลแค่ไหน อย่างไร?
ขณะนี้ นายศุภชัยถูกจำคุกอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แล้ว จะให้การเป็นประโยชน์ จะคืนความเป็นธรรมให้แก่ชาวสหกรณ์ฯ สาวไส้ถึงตัวการใหญ่ ได้หรือไม่?
ใครจะต้องหนาวๆ ร้อนๆ
จีวรใครหนาวๆ ร้อนๆ
วัดไหนหนาวๆ ร้อนๆ
เงินบาป ไหลไปถึงไหน ความร้อนรุ่มดั่งนรกก็ไปถึงนั่น
ขอขอบคุณ หนังสือพิมพ์แนวหน้า