ปปช ชี้มูล ธาริต ร่ำรวยผิดปกติ 300กว่าล้าน

0
123

ทันเหตุการณ์กับหลวงปู่พุทธะอิสระ

ปปช ชี้มูล ธาริต ร่ำรวยผิดปกติ 300กว่าล้าน

๑๐  มีนาคม  ๒๕๕๙

นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่าตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่านายธาริต เพ็งดิษฐ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีนายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน และต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการร่ำรวยผิดปกติของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ , นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ คู่สมรส และบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นการชั่วคราวตามมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 รวมมูลค่า 90,260,687.40 บาท

 

นายปรีชายังเปิดเผยอีกว่าเนื่องจากทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติของนายธาริตบางส่วนได้มีการโอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สิน ทำให้ไม่สามารถติดตามทรัพย์สินได้ คงเหลือทรัพย์สินที่นายธาริต ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีคำสั่งอายัดไว้เป็นการชั่วคราว จำนวน 90,260,687.40 บาท ดังนั้น ทรัพย์สินส่วนที่เหลือจำนวน 256,391,901.12 บาทให้บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของนายธาริต และนางวรรษมล

 

ทั้งนี้ ป.ป.ช.ให้ส่งรายงานและสำนวนการไต่สวนให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาล ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเพื่อขอศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ตามมาตรา 80 และมาตรา 83 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีทั้งเงินฝาก ที่ดิน และรถยนต์ ประกอบด้วย

 

1. เงินฝากในบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในชื่อ นายธาริตจำนวน 4 บัญชีรวมเป็นเงิน 1,254,673.52 บาท

2. เงินฝากในบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในชื่อ นางวรรษมลจำนวน 4 บัญชีรวมเป็นเงิน 236,827.91 บาท

3. เงินฝากในบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในชื่อ นายปิยฤกษ์จำนวน 4 บัญชี รวมเป็นเงิน 2,010,350.03 บาท

4. ที่ดินโฉนดเลขที่ 2394 ตำบลคุ้งสำเภา อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาทกรรมสิทธิ์ในชื่อ นายธาริต

5. ที่ดินโฉนดเลขที่เลขที่ 28532 ตำบลหลักหก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานีพร้อมบ้านเลขที่ 414 ตำบลหลักหก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี

6. ที่ดินโฉนดเลขที่ 8078 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมากรรมสิทธิ์ในชื่อ นางวรรษมล

7. ที่ดินโฉนดเลขที่ 9326 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมากรรมสิทธิ์ในชื่อ นางวรรษมล

8. ที่ดินโฉนดเลขที่ 9917 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมากรรมสิทธิ์ในชื่อ นางวรรษมล

9. บ้านคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น เลขที่ 444 และสิ่งปลูกสร้างไม่มีเลขที่จำนวน 5 หลังในชื่อ “ฟิออเร่ ปาร์ค” หมู่ที่ 11 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ปลูกสร้างบนที่ดินโฉนดเลขที่ 8078 , 9326 และ 9917 กรรมสิทธิ์ในชื่อ นางวรรษมล

10. รถยนต์ยี่ห้อ MERCEDES BENZ รุ่น E 250 เลขทะเบียน ญฉ 414 กรุงเทพมหานครผู้ถือกรรมสิทธิ์ในชื่อ นางวรรษมล

11. รถยนต์ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น ALPHARD เลขทะเบียน ฆฐ 515 กรุงเทพมหานครผู้ถือกรรมสิทธิ์ในชื่อ นางวรรษมล

12. ที่ดินโฉนดเลขที่ 8139 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมากรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล

13. ที่ดินโฉนดเลขที่ 71289 ตำบลคลองม่วง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล

14. ที่ดินโฉนดเลขที่ 69674 ตำบลคลองม่วง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล

15. ที่ดินโฉนดเลขที่ 9327 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมากรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล

16. ที่ดินโฉนดเลขที่ 9328 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมากรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล

17. ที่ดินโฉนดเลขที่ 16529 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมากรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล

18. ที่ดินโฉนดเลขที่ 21038 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมากรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล

19. ที่ดินโฉนดเลขที่ 28765 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล

20. โฉนดเลขที่ 8090 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์

 

ทั้งนี้ ให้แจ้งผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนนายธาริตดำเนินการทางวินัยต่อไป

 

สำหรับเสียงลงมติชี้มูลความผิดที่เป็นเอกฉันท์จำนวน 7 เสียงนั้น มีกรรมการ 2 คนที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุม คือ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ ที่ติดภารกิจ และพล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง ที่ขอไม่เข้าร่วมประชุมเนื่องจากทนายความของนายธาริตมีนามสกุลเดียวกับพล.ต.อ.สถาพร จึงเกรงว่าจะมีส่วนได้ส่วนเสีย

 

ขณะที่ทางด้านของ ด้านนายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการป.ป.ช. กล่าวว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนข้าราชการระดับสูงสร้างบ้านพักอาศัยที่เกรงว่าจะรุกล้ำเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเขาใหญ่ ในจังหวัดนครราชสีมา ป.ป.ช.จึงลงพื้นที่สอบว่ามีการรุกล้ำที่หรือไม่ แต่พบว่าเจ้าของบ้านคือ ภรรยา ของนายธาริต ป.ป.ช.จึงได้ดำเนินตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนายธาริตที่เคยแสดงต่อป.ป.ช.ว่ามีรายการทรัพย์สินดังกล่าวอยู่หรือไม่ ปรากฎว่าไม่พบรายการดังกล่าว จึงมีเหตุอันควรสงสัยว่าร่ำรวยผิดปกติ จึงตั้งอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน

 

ขณะที่ทางด้านของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ส่งจดหมายชี้แจงสื่อมวลชนหลังถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ลงมติว่าร่ำรวยผิดปกติรวมมูลค่า 346,652,588.52 บาท

 

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ส่งจดหมายชี้แจงต่อสื่อมวลชนหลังถูกป.ป.ช.ชี้มูลว่าร่ำรวยผิดปกติ และให้นายกรัฐมนตรีสอบวินัยว่า ข้าพเจ้าขอแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนดังต่อไปนี้

 

ข้อ 1. อนุกรรมการไต่สวนฯ ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อข้าพเจ้าถึง 2 ครั้ง ทั้งนี้ อนุกรรมการได้นำเอาเงินฝากหมุนเวียน ผ่านบัญชีของข้าพเจ้าและภรรยา ที่เปิดไว้กับธนาคารต่างๆ ซึ่งเป็นการฝากและใช้จ่ายตามปกติทุกรายการที่ปรากฏในบัญชีธนาคาร ตลอดเวลาที่ข้าพเจ้าดำรงตาแหน่งอธิบดีฯ (พ.ศ.2552 – 2557) และย้อนหลังไปก่อนดำรงตำแหน่งหลายปีบวกทบๆกัน โดยไม่ได้พิจารณาว่า เป็นเงินทุนหมุนเวียนและเป็นการคิดคำนวณที่ไม่เป็นตามหลักบัญชี รวมทั้งทรัพย์สินอื่นมาบวกรวมกันให้เห็นว่า ข้าพเจ้ามีทรัพย์สินที่มากเกินความเป็นจริง แล้วกล่าวหา ข้าพเจ้าว่าร่ำรวยผิดปกติ ทั้งทรัพย์สินส่วนใหญ่ก็ไม่มีอยู่จริงและทุกรายการก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า การมีหรือได้มาทรัพย์สินตามที่กล่าวหานั้น เป็นการไม่ชอบหรือไม่มีเหตุอันควรหรือมีพฤติการณ์ ที่ร่ารวยผิดปกติอย่างไร

 

ยกตัวอย่างเช่น บัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง ภรรยาของข้าพเจ้าใช้ฝากเงิน เพื่อหมุนเวียนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 6 ล้านบาท ตลอดเวลา 5 ปี ที่ข้าพเจ้าดำรงตำแหน่ง ย่อมมีการถอนออกแล้วฝากเข้าเป็นปกติของการซื้อขายหุ้น แต่อนุกรรมการ ป.ป.ช. ใช้วิธีนำเอาเฉพาะรายการฝากทุกๆ ครั้งบวกทบๆ กัน จึงทาให้ยอดบัญชีสูงถึง 86 ล้านบาท ทั้งที่ตัวเงินจริงมีเพียง 6 ล้านบาทที่หมุนเวียน เป็นต้น การกล่าวหาว่าข้าพเจ้าร่ำรวยผิดปกติ จึงมี ความคลุมเครือไม่ชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้เข้าใจข้อกล่าวหาได้ดี และไม่อยู่ในวิสัยที่วิญญูชนจะสามารถจดจำนำหลักฐานมาชี้แจงข้อกล่าวหาได้ ซึ่งเป็นการไม่ชอบด้วยระเบียบตามข้อ 37 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 47 และมาตรา 125

 

ประการสำคัญ อนุกรรมการ ป.ป.ช. ใช้วิธีคิดคำนวณรายได้จากเงินเดือน และค่าตอบแทนเฉพาะการรับราชการของข้าพเจ้าและภรรยาเท่านั้น ไม่ได้ตรวจสอบถึงรายได้จาก การทำธุรกิจเช่น การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ การซื้อขายที่ดิน และการลงทุนในทรัพย์สินอื่นๆ เช่น ทองคำ และอัญมณี ซึ่งในปัจจุบันการมีรายได้จากธุรกิจต่างๆ ของข้าราชการเป็นเรื่องปกติ ที่กระทำได้โดยชอบ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีพยานหลักฐานหรือพฤติการณ์ใดๆ เลยที่แสดงว่า ข้าพเจ้า มีทรัพย์สินเหล่านั้น หรือได้มาจากการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบหรือโดยไม่ถูกต้อง

 

ข้อ 2. ข้าพเจ้าขอตั้งคำถามต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังต่อไปนี้

(1) วิธีคิดคำนวณทรัพย์สินของข้าพเจ้าเป็นไปตามหลักการทางบัญชีที่คนปกติเขาใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันหรือไม่

(2) การปฏิบัติต่อข้าพเจ้าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่

(3) ได้ปฏิบัติกับข้าพเจ้าเท่าเทียมกับปฏิบัติต่อบุคคลอื่นๆ หรือไม่

ข้อ 3. ข้าพเจ้าจะได้แต่งตั้งทนายความขึ้นต่อสู้ในชั้นศาลยุติธรรมต่อไป และหาก ในที่สุดศาลตัดสินว่า ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำผิดตามที่ ป.ป.ช. มีมติแล้ว ถึงตอนนั้น ป.ป.ช. จะรับผิดชอบต่อความไม่เป็นธรรมที่ได้กระทำกับข้าพเจ้าหรือไม่ อย่างไร

 

ขอขอบคุณ ทีนิวส์ออนไลน์