๒๔ กันยายน ๒๕๖๗
*************************
Chai Narongsak :
สมัยก่อน สมัยโบราณถ้าเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ เครื่องไม้เครื่องมือที่จะยื้อชีวิตเช่นท่ออ๊อกซิเจน เจาะคอ ให้อาหารทางสายยางไม่มี ก็ตายไปตามธรรมชาติ
การุณยฆาตไม่ใช่เรื่องฉีดยาผู้ป่วยให้ตาย แต่ไม่ใช้เครื่องมือยืดชีวิต รักษาแบบประคับประคอง ฉีดยาแก้เจ็บปวดเพื่อให้พ้นทุกข์ทรมาน และร่างกายค่อยๆเสื่อมสลายตายไปอย่างสงบ
อันนี้ย่อมดีกว่ายื้อชีวิตให้ทนทุกข์ทรมาน ด้วยเครื่องมือช่วยหายใจ จะหายก็ไม่หาย จะตายก็ไม่ได้ ย่อมก่อทุกข์ก่อบาปแก่ผู้ป่วยเป็นอย่างยิ่ง เป็นการทรมานผู้ป่วยให้ตายทั้งเป็น
ถ้าผู้ป่วยรับรู้ได้ร้อยทั้งร้อยจะบอก ปล่อยให้ฉันได้ตายจากไปจากความทุกข์ทรมานเพื่อไปสู่สุคติเถิด
ปัจจุบันจึงมีพินัยกรรมที่ผู้สูงอายุก่อนจะป่วยหนักรักษาไม่ได้ จะทำพินัยกรรมว่า ถ้าเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาได้แล้ว ขอให้ได้ตายอย่างสงบ ไม่ต้องการใช้เครื่องมือทางการแพทย์ยื้อชีวิตใดๆทั้งสิ้น
หรือใครอยากทนทุกข์ทรมานนอนติดเตียงจากโรคที่รักษาไม่ได้แล้ว เจ็บปวดรวดร้าวทรมานอย่างแสนสาหัส แต่มีผู้หวังดีไม่ต้องการให้ปลดปล่อยความทุกข์โดยความตายอย่างสงบตามธรรมชาติ
แต่ใช้เครื่องมือยื้อความตายทุกวิถีทาง เพื่อคงความทุกข์ทรมาน ไม่ให้ไปสู่สุคติโดยสงบตามธรรมชาติ ใครชอบแบบนี้ก็บอกมา จะอนุโมทนาสาธุ ให้ได้ในสิ่งที่ชอบที่ชอบเถอะ สาธุ
Chai Narongsak :
ตัวอย่างการตายอย่างสงบ ของอาจารย์กำพล ทองบุญนุ่มจากมะเร็งตับระยะสุดท้าย โดยปฏิเสธเครื่องมือช่วยยื้อชีวิต ตายไปโดยสงบปราศจากความทุกข์ทรมาน ด้วยจิตที่ฝึกดีแล้ว อันนี้คือการุณยฆาต ปฏิเสธการรักษาที่ฝืนธรรมชาติ ต้องการปล่อยให้ตายแบบธรรมชาติ โดยจากไปอย่างสงบสู่สุคติจากจิตที่ฝึกมาดีแล้ว
****************************
สิ่งที่คุณพูดมา โพสต์มานี้มันไม่ได้ผิดดอก เพราะคุณไม่ใช่นักบวช ไม่ใช่พระภิกษุ หากคุณพิสูจน์สิ่งที่ฉันพูดฉันโพสต์จริงหรือไม่ ลองไปค้นหาดูทีซิว่า มีภิกษุรูปใดในโลกนี้ ที่เขาสอนว่า ฆ่าคน ฆ่าสัตว์ไม่บาป (ยกเว้นการฆ่ากิเลส)
หากคุณไม่มืดบอด จนเกินไปก็ลองมองไปรอบๆ ตัวคุณดูบ้างว่า ผู้คนทั้งพระ ทั้งฆราวาส ราชบัณฑิต เขามองคำสอนของอาจารย์คุณว่าเป็นยังไง
หากยังไม่รู้ ก็ลองเบิกตาค้นหา อ่านดูบทความต่อไปนี้บ้าง
พุทธะอิสระ
************************
งานสัมมนา 77 ปี คณะพุทธศาสตร์ มจร. ร้อน ! ราชบัณฑิต ซัด “พระต้น” 4 ประเด็น ทำตัว “เยี่ยงพระสังฆราช”งานสัมมนา 77 ปี คณะพุทธศาสตร์ มจร. ร้อน ! ราชบัณฑิต ซัด “พระต้น” 4 ประเด็น ทำตัว “เยี่ยงพระสังฆราช”
https://thebuddh.com/?p=83550
วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2567 วานนี้ ณ อาคารหอประชุม ๔๘ พรรษา มหาวชิราลงกรณ์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา พระพรหมวชิราธิบดี นายกสภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ประธานในพิธีเปิดนิทรรศการ 77 ปี คณะพุทธศาสตร์ มจร และถวายรางวัลโพธิคยานาคาธิบดี แด่ พระพรหมวชิราธิบดี นายกสภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ และพระพรหมวัชรธีราจารย์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยมีคณาจารย์ นักวิชาการ นักปราชญ์ ราชบัณฑิต เจ้าหน้าที่ ร่วมงานเป็นจำนวนมาก
เวลา 13.00 น. มีกิจกรรมการอภิปรายเรื่อง ” 77 ปี คณะพุทธศาสตร์ : พลวัตจากอดีตสู่อนาคต” โดย พระราชวัชรสารบัณฑิต รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มจร พระปัญญาวัชรบัณฑิต รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มจร ศ.พิเศษ รท.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ราชบัณฑิต ศ.ดร.อุทิศ ศิริวรรณ นักวิชาการพระพุทธศาสนา ดำเนินการอภิปรายโดย รศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป ซึ่งการอภิปรายครั้งนี้เป็นที่จับตาเป็นอย่างมาก เนื่องจากในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ คณะพุทธศาสตร์ ของ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถือว่าเป็นคณะหลัก ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องพระไตรปิฏก และพระพุทธศาสนา รวมทั้งภายในงานมีทั้งพระภิกษุและศิษย์เก่าฆราวาสที่เชี่ยวชาญพระไตรปิฎก และเป็นอย่างที่ทุกคนคาดไว้ว่าบนเวทีสัมมนาจะต้องมีถกประเด็นเรื่อง “ธรรมนาวาวัง” ขึ้นมาพูดแน่
เฟชบุ๊ค ของ “พระมหานรินทร์ นรินโท” เจ้าอาวาสวัดลาสเวกัส ประเทศสหอเมริกา ได้โพสต์สรุปประเด็นไว้ว่า งานสัมมนา 77 ปี คณะพุทธศาสตร์ มจร. ร้อน ! ศ.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ราชบัณฑิต ซึ่งมีบุคลิก “นิ่มที่สุด” ออกอาการ “แรงสุด” กรณี “ธรรมนาวา” ของพระต้น
ศ.บรรจบ วิจารณ์ยับ “โครงการธรรมนาวา” ว่าผิดพลาดใหญ่หลวง ทั้งตัวโครงการและวิธีการราชบัณฑิต เล่ายาว พระต้นให้คนไปหา (น่าจะชื่อ ง.) ถามว่า โครงการและหนังสือเป็นอย่างไร ?อาจารย์บรรจบ ยำใหญ่ ตีหัวโป๊ะๆ 1-2-3-4 มีแต่ข้อห้าม
1.ห้ามแจกหนังสือต่อ ต้องแก้ไข แบบว่าผิดทั้งเล่ม
2.ห้ามจาบจ้วงพระไตรปิฎก ขืนไม่เลิกเจ๊งแน่
3.ห้ามสอนว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้นั่งสมาธิ ไม่รู้จริงอย่าพูด
4.ห้ามต่อต้านพระพุทธรูป เพราะเป็นจารีตของชาวพุทธมาเนิ่นนาน เป็นสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนา อย่าตำหนิ
ปิดท้าย ตีแสกหน้าพระต้น “ห้ามทำตัวเหมือนสังฆราช” เหมือนในวันประชุมออนไลน์ นั่นอันตราย (จะโดนพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนรุมสหบาทาทั่วประเทศ)
ส่วน ศ.ดร.อุทิศ ศิริวรรณ หนึ่งในผู้ร่วมอภิปราย กล่าวว่า ศ. ดร. บรรจบ บรรณรุจิ ราชบัณฑิต เล่ายาว untold story ที่เผยบนเวที แค่บางส่วน สรุปคือ พระต้น และทีม ต้องช่วยกันรักษาพระธรรมวินัย รศ. ดร. สุรพล สุยะพรม รองอธิการบดี มจร เพิ่งไปพบ สมเด็จ 1 ใน 8 ที่ลงนาม ให้พระต้นแก้ไข ปรับปรุงตัว 4 ข้อ ถ้าหยุดคิด ตั้งสติ ตั้งหลักปรับตัว ปรับใจ ปรับคำสอน ตาม 4 ข้อ ที่อาจารย์บรรจบแนะผมว่า ถ้าพระต้น และทีมทำตามคำแนะนำ นักปราชญ์ราชบัณฑิต อย่าง อาจารย์ บรรจบ โครงการก็จะไปต่อได้ลงความให้พิจารณาขบคิดชาววัด ห่วงใย ปกป้องพระธรรมวินัยชัดเจน.
——————————————–
