หกโมงเช้าเมื่อรับอรุณแล้ว ต้องรีบเดินทางออกจากวัดไปกรมอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เพื่อรายงานตัวในคดีกบฏ ที่อัยการมีหนังสือนัดมาฉันก็ต้องรีบไปพบทั้งที่ยังมิได้ฉันเช้า
พอเรียบร้อยแล้วจึงรีบเดินทางมาที่ศูนย์ราชการ อาคารบี เพื่อมาที่สำนักงานกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)
เพราะดีเอสไอได้แจ้งกลับมายังฉันว่า
กรณีที่ไปยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. ในข้อหาดูหมิ่นเหยียดหยาม บิดเบือนใส่ร้าย ว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอละเว้น เลือกปฏิบัติ สองมาตรฐาน ไม่ยอมดำเนินคดีกับพุทธะอิสระทั้งที่มีคดีร้ายแรงถึง ๙ คดี
พุทธะอิสระจึงนำหลักฐานการกล่าวบิดเบือนใส่ร้าย ดูหมิ่นเจ้าหน้าที่ของรัฐและพุทธะอิสระ ไปมอบให้ดีเอสไอดำเนินการสืบสวนสอบสวน
เจ้าพนักงานสอบสวนของดีเอสไอได้แจ้งฉันกลับมาว่า ทางดีเอสไอได้แยกคดีนี้ออกเป็น ๒ คดี คือ
ในส่วนที่ดูหมิ่นเจ้าหน้าที่รัฐ ดีเอสไอกำลังดำเนินการสืบสวนสอบสวนอยู่
ส่วนคดีการดูหมิ่นพุทธะอิสระนั้นไม่ได้อยู่ในอำนาจของดีเอสไอ
พุทธะอิสระต้องไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับกองกำกับการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ด้วยตนเอง หากพ้นสิ้นเดือนนี้ไปคดีจะหมดอายุความ
วันนี้พุทธะอิสระจึงได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษแก่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. ในข้อหานำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖ และ ๓๒๘ ฐานหมิ่นประมาท และ หมิ่นประมาทด้วยการกล่าวหรือไขข่าวให้แพร่หลายทางอินเตอร์เน็ต-เฟสบุ๊ค
พร้อมทั้งช่วงบ่ายได้เดินทางไปที่อาคารดีเอสไอตอนบ่ายหนึ่งโมง เพื่อชี้มูลความผิดของเจ้าคุณเมธีธรรมาจารย์ หรือเจ้าคุณประสาร ในข้อหาขัดคำสั่ง คสช.
และฝ่าฝืนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๙๗/๒๕๕๗ เรื่อง การให้ความร่วมมืต่อการปฎิบัติงานของคณะรัษาความสงบแห่งชาติและการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ข้อ ๓ (๒) และ (๕) ที่กำหนดให้บุคคลทุกคนต้องงดเว้นการนำเสนอข่าวสารในลักษณะที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ รวมทั้งหมิ่นประมาทผู้อื่น และ ข่าวสารที่ส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างให้เกิดความแตกแยกในราชอณาจักร
และเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๐๙ ฐานอั้งยี่ , มาตรา ๒๑๐ ฐานซ่องโจร , มาตรา ๘๔ ฐานเป็นผู้ใช้หรือผู้ยุงยงส่งเสริมให้ผู้อื่นกระทำความผิด , มาตรา ๘๕ ฐานเป็นผู้โฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปชักชวนให้กระทำความผิด
ที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากไปแจ้งความเจ้าคุณประสารตอนนี้หรอก
อยากให้เขาได้รับบทเรียนที่คุ้มค่ามากกว่านี้ เมื่อเขากระทำอะไรโดยไม่ใช้สมอง ขาดสามัญสำนึกรับผิดชอบชั่วดี
เห็นแก่คน เห็นแก่ยศตำแหน่งสำคัญกว่าชาติบ้านเมืองและพระธรรมวินัย ก็สมควรที่จะได้รับบทเรียนอันหนักหน่วง
แต่ด้วยความเป็นห่วงใยพระหนุ่มเณรน้อย ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ จะต้องมาพลอยรับวิบากกรรม เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง และต้องเอากระดูกมาแขวนคอ ไปกับคนที่กระหายอำนาจ ปรารถนาตำแหน่ง
อีกทั้งก็ห่วงชาติบ้านเมืองว่าจะต้องกลับมาวุ่นวายจากพวกกระหายอำนาจต้องการตำแหน่งของคนพวกนี้ ทั้งที่สิ่งที่พวกเขากำลังคิดจะทำมันเป็นความผิดต่อพระธรรมวินัย ผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง และผิดต่อขนบธรรมเนียมปฏิบัติของผู้สละโลก สละลาภ สละยศ สละตำแหน่ง
ฉันจึงต้องยอมเดินทางมาแจ้งความชี้มูลให้เจ้าหน้าที่รัฐได้กระทำการป้องปรามเสียก่อนที่จะเกิดเรื่อง
พอเสร็จจากดีเอสไอ ก็ต้องรีบขึ้นรถเดินทางไปอัดรายการคมชัดลึก เพื่อให้สัมภาษณ์คุณโมไนย เย็นบุตร ในเรื่องคดีรถหรูนายน้ำฝนและสมเด็จช่วง
รายละเอียดดูได้จากรายการคมชัดลึก ทางช่องเนชั่นทีวี วันนี้ (๒๗ ก.ค.) เวลา ๒๐.๐๐ น.
กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไป ๓ โมง ร่วม ๔ โมง
เดินทางกลับมาถึงวัด ๕ โมงครึ่ง ฝนตกหนักมาตลอดทางระหว่างเข้าสู่เมืองนครปฐม
แต่พอถึงวัดก็ต้องรีบเขียนเรื่องราวมาเล่าให้พวกคุณได้อ่านกัน
ขอบคุณนะที่ติดตาม
พุทธะอิสระ
