นานาทัศนะ กับการยกร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ คสช. โดยคุณมีชัย

0
119

นานาทัศนะ กับการยกร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ คสช. โดยคุณมีชัย
๑๒ เมษายน ๒๕๕๙

120459-บทความ-นานาทัศนะ-กับการยกร่างรัฐธรรมนูญ-ฉบับ-คสช.-โดยคุณมีชัยพักนี้เราจะเห็นบรรดานักการเมือง และผู้มีส่วนได้เสียจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ออกมาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์เนื้อหาในร่างฯ ที่พวกตนไม่ชอบใจ และอาจจะทำให้ตนเสียผลประโยชน์ จึงดาหน้ากันออกมาวิพากษ์วิจารณ์ บ้างก็คัดค้าน บ้างก็ข่มขู่ว่าไม่รับร่างฯ

ท่านทั้งหลายลองมาดูคำวิจารณ์ ของพวกเขาที่ได้ประมวลมาให้ท่านได้รับรู้ จะได้เป็นข้อมูลประกอบในการตัดสินใจลงมติรับร่างฯ หรือจะไม่รับร่างฯ กันต่อไป

พรรคประชาธิปัตย์ (ปปช.) – นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ

๑. กรณีคำถามพ่วง ที่ระบุให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี ในระยะเวลา ๕ ปี – พรรคไม่เห็นด้วย และไม่รับคำถามนี้ เนื่องจาก ส.ว. ที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาดังกล่าวมาจากการสรรหา และ คสช. เป็นผู้แต่งตั้งในขั้นตอนสุดท้าย การให้ ส.ว. ลงคะแนนเสียงร่วมกับ ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เท่ากับลบล้างเจตจำนงประชาชนที่แสดงออกในการเลือกตั้งได้ มีแต่จะทำให้ความขัดแย้งหรือปัญหาทางการเมืองรุนแรงขึ้น

– ถ้าวุฒิสภาจับมือกับพรรค หรือ ส.ส. ที่เป็นเสียงข้างน้อย ตั้งนายกฯ เพื่อให้เกิดรัฐบาล ก็จะทำงานยาก
– ถ้าวุฒิสภาจับมือกับพรรคอันดับหนึ่ง ก็ไม่ช่วยเรื่องเสถียรภาพ
– ถ้าสภาไม่ยอมให้ ส.ว. ชี้ขาดในการเลือกนายกฯ มีวิธีเดียวคือ พรรคใหญ่ต้องจับมือกัน ก็จะเกิดเผด็จการในสภา

เป็นคำถามที่ประชาชนไม่สมควรรับ เพราะสร้างความขัดแย้ง

การทำกฎหมายประชามติมีความสับสนในการกำหนดบทบาทของฝ่ายต่างๆ จากการห้ามไม่ให้ประชาชนทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ข้อห้ามต้องเขียนอย่างชัดแจ้ง ซึ่งมีเพียงมาตรา ๖๒ ที่ห้ามไม่ให้มีการสื่อสารผิดข้อเท็จจริง หรือมีลักษณะก้าวร้าวข่มขู่
๒. มีการเขียนคุ้มครองคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้เกิดความเข้าใจว่า กรธ. และเจ้าหน้าที่รัฐที่จะชี้นำได้
๓. อยากให้ กกต. แสดงความชัดเจน และให้กระบวนการเป็นไปอย่างเสรีและเป็นธรรม ผู้มีอำนาจต้องปล่อยให้ กกต. ทำงานอย่างอิสระ ไม่แทรงแซงหรือกดดัน ไม่ควรใช้อำนาจมาตรา ๔๔ ปลดบุคลากรในองค์กรอิสระ เว้นแต่มีการทุจริตและไม่สามารถใช้กระบวนการตามปกติได้
๔. เพิ่มอำนาจราชการ ลดอำนาจประชาชน
๕. ปราบโกง แค่ชี้นำ แต่จุดอ่อนเพียบ
๖. ถ้าประชาชนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนี้ มีหลักประกันอะไรว่า รัฐธรรมนูญที่จะบังคับใช้ต่อไปจะดีกว่านี้ หรือ จะไม่เลวร้ายยิ่งไปกว่านี้
๗. มีการชี้นำเกินไป เช่น ขนานนามว่า รัฐธรรมนูญปราบโกง เมื่อเห็นจุดอ่อนก็ไม่แน่ใจว่าจะปราบโกงได้จริงหรือเปล่า

พรรคประชาธิปัตย์ (ปปช.) – นายจุรินทร์ และผู้บริหารพรรคฯ ประมวลความเห็นของสมาชิก ว่า

๑. รัฐธรรมนูญ มีข้อเสีย มากกว่า ข้อดี
๒. ไม่เห็นด้วยที่รัฐธรรมนูญนี้จะเป็นกฎหมายสูงสุด
๓. ข้อดีที่สนับสนุน คือ มีมาตรการบางเรื่องเข้มข้นมากขึ้นในการปราบปรามการทุจริต แต่ก็มีจุดอ่อน เช่น

๓.๑ ยกเลิกกระบวนการถอดถอน ทำให้ความผิดที่จะไปจบที่ศาลต้องใช้มาตรฐานเหมือนคดีอาญา ยากที่จะเอาผิด
๓.๒ โทษลดลง เช่น จากที่เคยถูกถอดถอนจะเล่นการเมืองไม่ได้ตลอดชีวิต กลับลดลงมาเหลือ ๕ ปี
๓.๓ จากเดิม ป.ป.ช. หากปฏิบัติหน้าที่มิชอบจะเข้าสู่กระบวนการถอดถอนหรือฟ้องต่อศาล แต่ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องผ่านประธานรัฐสภา คือ ส.ส. ที่สังกัดรัฐบาล

๔. รัฐธรรมนูญมีการลดสิทธิเสรีภาพประชาชน โดยเพิ่มอำนาจราชการมากเกินไป มีผลให้

๔.๑ ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจอ่อนแอลง
๔.๒ ทำให้รัฐบาลที่มาจากประชาชนมีปัญหามากขึ้น
๔.๓ ประชาชนไม่มีโอกาสเลือก ส.ว.
๔.๔ การกำหนดให้ใช้บัตรเดียวในการเลือกตั้ง เป็นการบังคับทำให้ประชาชนไม่สามารถเลือกตั้งได้อย่างเสรีได้อีกต่อไป
๔.๕ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ก็ยากมาก ขึ้นอยู่ในมือของ ส.ว.

พรรคเพื่อไทย – นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย

๑. สื่อต่างชาติและองค์กรระหว่างประเทศและนานาประเทศ จับตาเฝ้ามองประเทศไทยอย่างใกล้ชิด อาจจะนำไปใช้เป็นตัวชี้วัดในการกำหนดทิศทางและท่าทีความสัมพันธ์กับเรา
๒. การตัดสินใจของนักธุรกิจต่างชาติที่จะเข้ามาค้าขายและลงทุนในบ้านเรา
๓. นายกฯ และรัฐบาลชุดใหม่ไม่ได้มาจากกระบวนการที่ชอบธรรม จะไม่ได้รับความร่วมมือจากนานาชาติ ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในการบริหารประเทศ เศรษฐกิจจะตกต่ำ ถ้าเราได้ผู้นำประเทศที่มีความน่าเชื่อถือ เกิดความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน เศรษฐกิจไทยก็จะกระเตื้องขึ้นโดยอัตโนมัติ

พรรคเพื่อไทย – นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคฯ

๑. พรรคเพื่อไทยและภาคส่วนต่างๆ ในสังคม เช่น กลุ่มเอ็นจีโอ กลุ่มนักศึกษา กลุ่มนักวิชาการ ได้ออกแถลงการณ์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็คาดว่าจะมีภาคส่วนต่างๆ ทยอยให้ความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญเป็นระยะๆ
๒. หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงว่าไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ แม้จะยังไม่กล่าวว่าไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แต่ก็ระบุชัดเจนว่า มีข้อเสีย มากกว่า ข้อดี
๓. สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นมหาอำนาจ ได้ส่งสัญญาณเตือนประเทศไทยหลายครั้ง หากเหตุการณ์พัฒนาไปถึงขั้นถูกบอยคอตหนักขึ้น คาดการณ์ไม่ถูกว่าไทยะเสียหายด้านเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน อย่างไร

พรรคเพื่อไทย – นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส. อุบลราชธานี

๑. คำถามที่ให้ ส.ว. โหวตเลือกนายกฯ เป็ฯการแสดงให้คนทั่วประเทศเห็นแล้วว่า เป็นการต่อท่ออำนาจ เห็นชัดว่า สนช. อยู่ภายใต้อำนาจของใคร
๒. เป็นการต่อสู้กันระหว่างคนที่มาจากการเลือกตั้ง กับคนที่อยากเป็นใหญ่ด้วยการแต่งตั้ง หรืออำนาจประชาชนกับอำนาจแอบแฝง
๓. เรื่องการรณรงค์ให้ประชาชนไปลงประชามติ เป็นหน้าที่ของ กกต. ว่าจะเปิดกว้างเพียงไร อย่างให้เป็นลักษณะการมัดมือชก

นปช. – นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.

๑. การตั้งคำถามที่ยาวและกลบซ่อน ส.ว. แต่ตั้งในชื่อเรียกรัฐสภา ต้องการให้เกิดความอึมครึม สับสน เพื่อทำให้ประชาชนเข้าใจผิด
๒. คำถามพ่วงมีสาระสำคัญคือ ให้ ส.ว. แต่งตั้ง ร่วมออกเสียงเลือกนายกฯ หากเขียนให้ชัดเจนเช่นนี้แล้ว คงกลัวว่าประชาชนจะรู้แล้วตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เนื่องากแสดงถึงการเปิดประตูให้คนนอกมาเป็นนายกฯ อย่างชัดเน
๓. เชื่อว่าไม่มีใครไปสั่งประชาชนได้หากเขาไม่ยินยอม จึงไม่จำเป็นต้องให้ใครมาชวนคว่ำรัฐธรรมนูญ เพราะรู้ดีว่าจะใช้สิทธิลงประชามติอย่างไร

อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) – นายบุญเลิศ คชายุทธเดช

๑. เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ จะทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งต่อร่างรัฐธรรมนูญ และ คสช. หนักขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งและอึมครึม จึงควรเริ่มต้นกันที่ศูนย์ แล้วเดินหน้านับหนึ่งกันใหม่ จะเรียกว่า “เซตซีโร่”
๒. เมื่อไม่เอาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย อาจจำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราว จัดให้มีการทำรัฐธรรมนูญกันใหม่ โดยมีคณะบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือ เป็นที่ยอมรับของหลายๆ ฝ่าย มาเป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญและคณะกรรมาธิการยกร่างฯ เสร็จแล้วค่อยไปลงประชามติ
๓. สำหรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ก็น่าจะยุติ ไม่ต้องนำไปออกเสียประชามติ ถ้าไม่เลือกแนวทางเซตซีโร่ที่หลายฝ่ายยอมรับ เชื่อว่าปัญหาไม่จบ กปปส. หนุน ส.ว. เลือกนายกฯ

รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) – นายอลงกรณ์ พลบุตร

๑. ร่างรัฐธรรมนูญ และคำถามพ่วงประชามติ มีความเสี่ยงมากขึ้นในการออกเสียงประชามติ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย และ นปช. แสดงจุดยืนว่าไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงประชามติ
๒. มีความเสี่ยงประเด็นการไม่ยอมรับร่างรัฐธรรมนูญ และคำถามหากการออกเสียงประชามติเห็นชอบก้ำกึ่งเหนือกว่าเสียงไม่เห็นชอบไม่เด็ดขาด จะเป็นชนวนความขัดแย้งก่อความไม่สงบตามมา จนกระทบต่อโรดแมปของแม่น้ำ ๕ สาย ที่ต้องการเดินหน้าประเทศสู่กาเลือกตั้งภายในปี ๒๕๖๐

สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) – นายอลงกรณ์ พลบุตรวิทยา แก้วภราดรัย (อดีตแกนนำ กปปส.)

๑. ส่วนตัวรับได้ และจะลงมติรับร่างฯ เพราะในเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน ก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร จะมีแต่พรรคการเมืองที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ
๒. เรื่องร่างรัฐธรรมนูญ อาจไม่สามารถปราบทุจริตได้ เห็นว่าเป็นเรื่องของบุคคล ถ้าจ้องจะทุจริตก็ห้ามไม่ได้ หรือจะปราบทั้งหมดก็ไม่ได้
๓. ในส่วนที่ไม่ชอบ คือยังปล่อยให้มี ส.ส. บัญชีรายชื่อ ซึ่งหมายความว่า ยังปล่อยให้มีระบบทุนและนายทุนเข้าสู่การเมือง
๔. ถ้าคำถามพ่วงผ่านประชามติจริง จะทำให้คนนอกได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไม่เป็นไร เพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของประเทศ ที่สำคัญนายกฯ คนนอกก็เป็นคนดีได้เช่นกัน อย่างทุกวันนี้ก็ยังได้เป็นรัฐบุรุษ

สมาชิกมูลนิธิ กปปส. – นายอิสระ สมชัย

๑. โดยส่วนตัวรับได้ เพราะเป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน ๕ ปี พอพ้นจาก ๕ ปี ก็อาจให้ ส.ส. กลับมาโหวตนายกฯ เต็มรูปแบบก็ได้
๒. เท่าที่ฟังเสียงจากชาวบ้านทั่วไป ก็ออกไปทางที่รับได้ คืออยากเลือกผู้แทนฯ แล้วไม่อยากให้กลับไปมีปัญหาซ้ำรอยเดิม มีความแตกแยกเผาบ้านเผาเมือง ซึ่งรัฐธรรมนูญไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง
๓. ที่สำคัญ คนจะเขียนมาดีอย่างไร ถ้าคนมันเลว ก็ออกมาเหมือนเดิม จะไปกลัวทำไม ถ้าคิดว่าคนของเราดีพอแล้ว พรรคการเมืองใดเสนอคนเข้าไปดีพอ ใครก็ยอมรับได้ทั้งหมด วุฒิสภาก็เอาด้วย เพราะก็ไม่ได้บอกว่าจะต้องเอาคนนอก

อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ – น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ

๑. มีหลายมาตราที่ขัดแย้งกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย มีการแฝงอำนาจอื่นที่ไม่ได้จากประชาชน
๒. มีเพียงนักการเมืองบางส่วนที่แสดงความเห็นด้วย เพราะอยากเลือกตั้ง มองว่าคนกลุ่มนี้ไม่ค่อยคำนึงถึงอุดมการณ์ทางการเมือง แต่อยากเข้ามาเพื่อเอาตำแหน่งแห่งหน
๓. คำถามพ่วงนั้น กรธ. ไม่เปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่างๆ เข้าไปมีส่วนร่วมในการร่างตั้งแต่แรก เหมือนปี ๒๕๕๐ แต่ตอนนี้แก้อะไรไม่ได้ แล้วจะถามไปก็เสียเวลา เพราะไม่มีประโยชน์
——————————————-

ฟังลีลาบรรดานักการเมืองมามากพอแล้ว ลองมาดูลีลาของลูกผู้ชายชาติทหาร ท่านประธาน คสช. นายกรัฐมนตรี คุณประยุทธ์ กันดูบ้าง

นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

๑. กรณีเนื้อหาคำถามพ่วงประชามติให้ ส.ว. โหวตเลือกนายกฯ อยากถามว่า
– มันทำให้ประเทศเลวร้ายลงมากกว่าเดิมมั้ย
– ประชาชนมีความทุกข์มากขึ้นหรือเปล่า
– หรือ นักการเมืองที่ไม่ดีจะเป็นจะตาย เกรงว่าจะทำอะไรที่เลวร้ายเหมือนที่เคยทำมาไม่ได้อีก
– ที่ผ่านมาแก้ปัญหาอะไรสำเร็จบ้าง โดยไม่มีปัญหาตามมา ทั้งนโยบายประชานิยมที่ได้สร้างความเสียหาย ประชาชนแตกแยก ปัญหาประมงผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ ปัญหาการบิน การคอร์รัปชัน คดีความที่ค้างคาจำนวนมาก ธุรกิจมืด ธุรกิจสีเทา บ้านเมืองไร้ระเบียบ กดดันจนข้าราชการและตำรวจทำงานไม่ได้ ระบบการทำงานขาดวิสัยทัศน์ ขาดยุทธศาสตร์ทุกมิติ ส่งผลเศรษฐกิจประเทศไม่เข้มแข็ง ประเภทมือใครยาวก็เข้าถึงระบบราชการ มีพรรคพวกตัวเองก็ได้ไป ภาคการเกษตร เกิดปัญหาราคาข้าว ยางพารา ไม่มีความเข้มแข็ง และเกิดปัญหาน้ำท่วมภัยแล้ง

การแก้ปัญหาเหล่านี้ ได้แต่ใช้วิธีการจ่ายเงินอุดหนุน อุดปากแต่ละปี โดยไม่สามารถหาเงินและจัดเก็บภาษีเพิ่มได้ ขณะนวัตกรรม งานวิจัย การศึกษา ดำเนินการล่าช้า เพราะติดขัดข้อกฎหมาย

๒. วันนี้ คสช. ทำอะไรไม่สนใจ ทำเป็นไม่รู้ ไม่เข้าใจ ถ้าคิดแบบนี้หรือต่อต้านไม่เป็นไร ทั้งที่เป็นเรื่องที่ดีเปลี่ยนแปลงเพื่อประชาชน
– ไม่ให้ทำการบุกรุกป่า
– ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือเสียผลประโยชน์เพราะกฎหมายออกไม่ได้
– กฎหมายทางการค้าที่ไม่เป็นทันสมัย ไม่สากล
๓. หลายสิบปีของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ทำไมเรื่องเหล่านี้จึงไม่เกิด และหากได้มาเป็นรัฐบาลจะแก้ไขอย่างไร
๔. วันนี้ที่ออกมาโวยวายรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ทำเพื่ออะไร เพื่อใคร ใครได้ประโยชน์ ที่ผ่านมาทำไมไม่ออกมา ไม่สนใจ
๕. สื่อวันนี้ก็มีส่วนทำร้ายประเทศด้วย ไม่มีจรรยาบรรณ วิจารณ์การทำงาน คสช.

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี – พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด

๑. การรับได้ หรือรับไม่ได้ในคำถามพ่วงการทำประชามติหรือร่างรัฐธรรมนูญนั้น ต้องถามคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่เพียงว่ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
๒. รัฐบาลจะช่วยสนับสนุนตามที่ กรธ. และ กกต. ร้องขอมา
๓. หากกระบวนการทำประชามติไม่เป็นธรรมนั้น กกต. จะเป็นผู้ดำเนินการจัดเวทีต่างๆ ย่อมรู้ว่าความทำอย่างไรให้ครอบคลุม โดยมีหลายฝ่ายที่มีความคิดเห็นในทิศทางต่างๆ เข้ามาร่วมด้วย
๔. การรณรงค์คัดค้าน หรือสร้างความวุ่นวายในช่วงการทำประชามติ ก็มีกฎหมายกำกับดูแลอยู่แล้ว ทุกคนต้องเดินตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย จะเป็นฝ่ายใดก็แล้วแต่ หากออกนอกกฎหมายก็ต้องดำเนินการ ซึ่งกฎหมายมีบทลงโทษที่รุนแรงอยู่แล้ว

พุทธะอิสระ

[ขอบคุณข้อมูลจาก: ไทยโพสต์ – ‘รัฐธรรมนูญ’โคม่า ‘ปชป.’ร้องยี้คำถามพ่วง/บิ๊กตู่เดือดซัดกลัวอะไร! ๑๑ เมษายน ๒๕๕๙]