สันดานคนมันชอบแถ
๕ เมษายน ๒๕๕๙
พระเมธีธรรมาจารย์ – เจ้าคุณประสาร
ดีเบตกับพุทธอิสระและคุณไพบูลย์
พึ่งได้อ่านเฟซบุ๊คของพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ในวันนี้เอง เพราะมีคนส่งมาให้อ่าน ในเฟซบุ๊คมีรายละเอียดพอสรุปได้ ดังนี้ (เฟซบุ๊คพระสุวิทย์ เมื่อวันที่ 1 เมษายน)
1. ขอท้าดีเบตกับพระเมธีธรรมาจารย์ ออกสื่อสาธารณะ
2. ใช้กติกาเดิมที่กำหนดไว้ในการดีเบตกับ ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์
3.พูดใน 4 ประเด็นเดิม
4. ถ้าใครพูดผิดธรรม ผิดวินัย ต้องถอดจีวรนอนคุก
การท้าทายและแสดงออกในลักษณะนี้เป็นการใช้วาทะและพฤติกรรมทางการเมืองมากกว่าการคำนึงถึงสมณภาวะของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา
เพราะในความเป็นจริงแล้ว อาตมารับนัดดีเบตในทันทีที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าจะให้พระทั้งสองฝ่ายดีเบตกันเมื่อคราวที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะถือว่านี่คือความจริง ไม่ใช่ความฝันหรือเป็นเพียงวาทกรรมเพื่อเอาชนะกันของแต่ละฝ่าย แต่ในที่สุดแล้วทุกอย่างก็ยุติลงด้วยเหตุผลของฝ่ายรัฐบาลที่เห็นว่า ไม่สมควร
และในครั้งก่อน คุณไพบูลย์ นิติตะวัน ก็ออกมาท้าดีเบตกับอาตมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว ทั้งที่ความจริงเขาควรจะดีเบตกับ ดร.เมธาพันธ์ มากกว่า มาคราวนี้ก็เป็นคิวของพระสุวิทย์ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม
สำหรับเรื่องดีเบตนั้น ผู้ท้าทายเพียงต้องการพูดจาให้ชนะคะคานกันมากกว่า คือต้องการเอาชนะในเชิงสัญลักษณ์มากกว่าต้องการจะดีเบตกันจริงๆ มีความประสงค์จะต้อนอาตมาให้เข้ามุมและนำไปกล่าวอ้างว่า ขี้ขลาด กลัว ไม่กล้ามาดีเบตต่อสื่อสาธารณะ
เรื่องนี้เอากันง่ายๆว่าในเงื่อนไขทั้ง 8 ข้อของพระสุวิทย์ วัดอ้อน้อยนั้น มันมีทางจะเป็นไปได้หรือไม่
เอาแค่ ข้อที่ว่าให้รัฐบาลเป็นคนกลางจัดและถ่ายทอดสดทั่วประเทศ แค่นี้ก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
เป้าหมายก็คือจะได้อวดอ้างกับผู้คนทั่วไปว่าตัวเองเป็นผู้กล้า เป็นผู้ถือความจริงแต่อีกฝ่ายหนึ่งกลัวเท่านั้นเอง
ถ้าสิ่งไหนที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ทั้งต่อคณะสงฆ์ พระพุทธศาสนา และมีความเป็นไปได้ พระเมธีธรรมาจารย์ ไม่เคยหลบใคร
เพราะอาตมามั่นใจว่า ที่ผ่านมา วันนี้ และวันหน้าก็ยังยืนยันในการพูดความจริงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง แล้วอย่างนี้จะกลัวอะไร
พระเมธีธรรมาจารย์ (เจ้าคุณประสาร จนฺทสาโร)
#เจ้าคุณประสาร
2 เมษายน 2559
(ที่มาเฟสบุ๊คเจ้าคุณประสาร)
https://www.facebook.com/ck.prasarn/posts/638818046287517:0
………………………………………………….
เห็นเฮียประสารออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า การท้าทายของพุทธะอิสระแสดงออกในลักษณะนี้ เป็นการใช้วาทะและเป็นพฤติกรรมทางการเมืองมากกว่าการคำนึงถึงสมณะภาวะของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา
พุทธะอิสระขอบอกเฮียว่า จากพฤติกรรมปลิ้นปล้อนของเฮียที่ผ่านมา มันทำให้พุทธะอิสระไม่ไว้วางใจ ไม่เคยเชื่อใจต่อคำพูดของพวกเฮียเลยแม้แต่น้อย เพราะพวกเฮียสร้างวีรกรรมกระล่อนลวงโลก โกหกให้คนทั้งแผ่นดินได้เห็นมาแล้ว อย่างเช่นกรณีเหตุการณ์ นัดภิกษุมาชุมนุม กดดันรัฐบาลที่พุทธมณฑล เพื่อเรียกร้องตำแหน่งพระสังฆราช
พอเหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเฮียคาดหวัง จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาชุมนุมโดยผิดกฎหมาย และคดีละเมิดพุทธะอิสระ
พวกเฮียก็โกหกว่า ไม่ได้ชุมนุม แต่นัดกันมาทำกิจกรรมวันมาฆบูชา ทั้งที่มีหลักฐานการไฮปาร์ค โจมตีรัฐบาล โจมตีพุทธะอิสระและบุคคลอื่นๆ
แถมยังมีกิจกรรมเผาหุ่นพุทธะอิสระและคุณ ส.ศิวรักษ์ คุณไพบูลย์ และคุณหมอมโน
แต่พวกเฮียก็ยังโกหกหน้าตาเฉยว่ามาชุมนุมเพื่อจัดกิจกรรมวันมาฆบูชา แม้ในขณะที่มาชุมนุม เฮียเห็นว่าเพวกเฮียเริ่มทยอยกันมามากหน้าหลายตาขึ้น เฮียก็เริ่มเหิมเกริม ถึงขนาดให้สัมภาษณ์แก่นักข่าวว่า จะไม่ยอมยุติการชุมนุมจนกว่าจะได้รับคำตอบที่น่าพอใจจากรัฐบาล มิหนำซ้ำยังออกมติเรียกร้อง ๕ ข้อ เพื่อกดดันให้รัฐบาลต้องปฏิบัติ
เช่นนี้แล้ว พวกเฮียยังหน้าด้านโกหกว่าไม่ได้มาชุมนุม แต่มาประชุม เพื่อจัดงานปฏิบัติศาสนกิจ
อีกทั้งเฮียก็ยังโกหกว่า ไม่เคยปฏิเสธเรื่องดีเบตในครั้งแรก
ทั้งที่ความจริงแล้ว พุทธะอิสระเป็นคนท้าดีเบตออกสื่อก่อน เพื่อหาข้อยุติในความเห็นต่างเรื่องพระธรรมวินัยและลดความขัดแย้ง
แต่เฮียก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า
“กรณีที่นายกรัฐมนตรี มีแนวคิดจะเชิญพระ ๒ ฝ่ายมาดีเบตกันนั้น หากดีเบตในประเด็น บรรจุพุทธศาสนาในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อาตมาพร้อมรับการดีเบต เพราะเป็นเรื่องของหลักการ แต่ถ้าให้มาดีเบตในประเด็นการเสนอสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ การเพื่อสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเป็นการดีเบตในเรื่องบุคคลในตำแหน่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนั้น อาตมาก็ไม่แน่ใจในข้อเสนอของนายกฯ แต่ถ้านายกฯ ต้องการให้พระทั้ง ๒ ฝ่ายมาดีเบต หมายถึงพูดคุยเผชิญหน้ากันโดยไม่ใช่ต่อหน้าสาธารณะ อาตมาก็ยินดี ***แต่ถ้าเป็นการดีเบตต่อหน้าสาธารณะ อาตมาคงไม่รับ*** เนื่องจากการเผชิญหน้ากันของ ๒ ฝ่าย ฝ่ายที่สนับสนุน ก็พูดเรื่องดี แต่ฝ่ายที่ไม่สนับสนุนย่อมพูดถึงท่านไม่ดี ซึ่งเมื่อคนรับรู้ทางสาธารณะเลยในทันที อาตมาก็อยากถามว่าใครจะเป็นคนรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นในทันทีนั้น”
พอมาวันนี้ เฮียก็มาโกหกหน้าด้านๆ ว่าในความจริงแล้วอาตมารับนัดดีเบตในทันที อย่างนี้ไม่เรียกว่า กะล่อนตลบตะแลง แล้วเรียกว่าอะไร
ด้วยพฤติกรรมที่ปลิ้นปล้อน กระล่อน โกหก เช่นนี้ อย่าว่าแต่เป็นพุทธะอิสระเลย แม้เป็นผู้อื่น เขาก็ไม่ยอมเชื่อขี้หน้าเฮียหรอก
ในเมื่อพวกเฮียทำเป็นปากกล้าขาสั่น ออกมาท้าดีเบตกับ พุทธะอิสระ และคุณไพบูลย์อีกรอบ พุทธะอิสระไม่ได้เป็นคนปลิ้นปล้อน กะล่อน โกหก อย่างพวกเฮีย และไม่อยากเหนื่อยฟรี
ไหนๆ จะเหนื่อยทั้งทีขอกำจัดพวกอาศัยพระธรรมวินัยหากินซักที แล้วมันจะผิดตรงไหน
แน่นอนล่ะ คนอย่างพุทธะอิสระดูกักขฬะ ป่าเถื่อน ไร้มารยาท ขาดสัมมาคารวะ
ขอถามเฮียว่า ต้องให้พุทธะอิสระพินอบพิเทากับพวกอลัชชีละเมิดพระวินัย ทำลายพระพุทธศาสนาด้วยเหรอ
ต้องให้พุทธะอิสระ ต้องหมอบคลานเข้าไปเลียแข้งเลียขานักบวชผู้มักมาก สะสมทรัพย์สมบัติ และต้องคดีมีมลทิน ไม่เอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัย ด้วยกระนั้นหรือ แม้พุทธะอิสระจะดูถ่อยแต่ก็มิเคยเป็นกบฏทรยศต่ออุดมการณ์ของพระธรรมวินัยเลย
พุทธะอิสระไม่ใช่นักสร้างภาพ ขอเพียงทำให้พระธรรมวินัยปลอดภัย พระพุทธศาสนาอยู่รอด พุทธบริษัทมีปัญญา ศรัทธาในสิ่งที่ถูกต้อง แค่นี้ตายก็คุ้ม
เคยบอกแล้วไง ไม่ได้บวชเข้ามาเพื่อให้ใครไหว้ ขอเพียงไหว้ตัวเองได้ บูชาตัวเองถูกก็เพียงพอแล้ว
ส่วนที่เฮียบอกว่าพุทธะอิสระมีพฤติกรรมวาทะเป็นการเมือง พูดผิดพูดใหม่ได้นะเฮีย ใครกันแน่ที่มีพฤติกรรมดั่งกับนักการเมือง และฝักใฝ่การเมือง เพราะเท่าที่คนทั้งแผ่นดินเขาเห็น ก็มีแต่พวกเฮียเท่านั้นที่เข้าไปประจบสอพลอนักการเมือง รับเงินรับทองจากนักการเมือง
ที่เฮียบอกว่าพุทธะอิสระท้าทายเพื่อให้ชนะคะคานกันมากกว่า ตอบว่า ก็สันดานอย่างพวกเฮีย หากยางหัวไม่ตก จะไม่รู้สึกว่าอะไรผิดอะไรถูกหรอก สังเกตจากพฤติกรรมที่ผ่านมา หากจับไม่มั่น คั้นไม่อยู่ เดี๋ยวพวกเฮียก็จะปลิ้นกลิ้งลงหลุมไปอีก
พุทธะอิสระจึงต้องมีกติกาผูกมัดชัดเจนไง พวกเฮียจะกลัวอะไร แต่ละคนมีปริญญากันตั้งหลายใบ เงินทองก็มีมาก พรรคพวกก็เป็นฝูง
หากเฮียแน่ใจว่าเฮียถูก มีหลักฐานชัดเจน มีเหตุผล ตรงตามหลักพระธรรมวินัยและกฎหมาย แล้วจะกลัวอะไรหละเฮีย
หรือว่าเฮียป๊อด ไม่กล้าเสี่ยง
ที่เฮียบอกว่าพุทธะอิสระต้องการจะต้อนพวกเฮียเข้ามุม ขอบอกเฮียว่าพุทธะอิสระไม่ได้คิดว่าจะต้อนพวกเฮียเข้ามุม แต่คิดว่าทำยังไงจะกำจัดพวกที่มาอาศัยพระธรรมวินัยหากินตะหาก
ส่วนเงื่อนไข ๘ ข้อ ที่พุทธะอิสระยื่นเสนอไป หากพวกเฮียทำไม่ได้ข้อไหน ก็ลองบอกมา เดี๋ยวพุทธะอิสระจะแนะให้ เห็นเฮียย้ำหลายครั้งว่าพุทธะอิสระอวดอ้างตัวเองเป็นผูกล้า กล้าไม่กล้า พุทธะอิสระก็ไม่เคยหนีความจริง ไม่เคยปฏิเสธความรับผิดชอบ ไม่เคยปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้เป็นแกนนำผู้ชุมนุม และไม่เคยก้มหัวให้อลัชชีชั่วทั้งหลาย ไม่ว่ามันจะใหญ่คับฟ้ามาจากไหน พุทธะอิสระก็ไม่เคยสะดุ้งผวา
หากผิดก็ยอมรับความจริง เดินไปมอบตัว ไม่เคยออกมาแก้ตัวแถว่าไม่ได้นัดชุมนุม ถ้าไม่กล้า คงไม่เดินไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษตัวเอกหรอก และถ้าพุทธะอิสระไม่กล้าจริง คงไม่ต้องมารบกับพวกเฮียที่มีทั้งคนทั้งเงินและทั้งอำนาจหรอก
ที่เฮียพูดว่าถ้าสิ่งไหนที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อคณะสงฆ์ พุทธศาสนา และมีความเป็นไปได้ เมธีธรรมมาจารย์ไม่เคยหลบใคร เฮียนี่พูดไม่คิดเลยนะเฮีย
เอาเรื่องง่ายๆ ก่อนนะเฮีย เรื่องคดีชุมนุมผิดกฎหมาย และคดีละเมิดต่อพุทธะอิสระในขณะที่ชุมนุมนั้น เฮียจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร หรือไม่พวกเฮียก็ช่วยไปบอกให้ธมฺมชโยและสมเด็จช่วงไปให้ปากคำดีเอสไอ ตอนที่เขามีหมายเรียกหน่อยซิเฮีย งานนี้เป็นประโยชน์ทั้งคณะสงฆ์และพระธรรมวินัยเลยนะเฮีย
กล้าไหม ทำได้ป๊ะ
ที่เฮียพูดว่า อาตมามั่นใจว่า ที่ผ่านมาวันนี้ และวันหน้าก็ยังยืนยันในการพูดความจริงเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แล้วอย่างนี้จะกลัวอะไร
แหม…แหม ช่างกล้าพูดนะ เอาอะไรคิดนะ ถามจริงเถิด พูดหรือผายลมน๊ะ
ไม่ลองหันย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ที่ผ่านมาหน่อยเหรอเฮีย ว่ามันตรงต่อสิ่งที่เฮียเคยสร้างภาพออกมาหรือเปล่า
เอาเป็นว่า หากเฮียกล้าจริง มาดวลไมค์กับพุทธะอิสระ แล้วใช้กติกาเดิมทั้ง ๘ ข้อ ที่พุทธะอิสระตั้งเอาไว้ ให้มันรู้แล้วรู้เลือดกันไปเลย อย่าเอาแต่ขู่ คนเขาเบื่อฟัง ตั้งแต่เคลื่อนไหวมาสองปี ไม่เห็นมีผลงานอะไรออกมาเป็นรูปธรรมให้จับต้องได้เลย
ไม่รู้ว่าพวกปัญญาอ่อนที่ไหน ยังจะจ่ายเงินจ้างเฮียให้ทำงานให้อีก ขอย้ำว่า การดีเบตครั้งนี้ หากติดขัดข้อไหน มาถามพุทธะอิสระ จะแนะนำให้
โอ..ไหมเฮีย
พุทธะอิสระ