ไม่รู้ว่าจะขำดี หรือว่าจะสมเพชตัวเองดี

0
170

บทความ

ไม่รู้ว่าจะขำดี หรือว่าจะสมเพชตัวเองดี

๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙

310359-บทความ-ไม่รู้ว่าจะขำดี-หรือว่าจะสมเพชตัวเองดี

………………………………………………….
ประกาศนิมนต์สงฆ์ทั่วประเทศลงอุกเขปนียกรรมพุทธะอิสระ | เดลินิวส์

วันเดียวกันเครือข่ายพระสังฆาธิการแห่งคณะสงฆ์ไทยได้ออกประกาศเรื่อง ขอนิมนต์พระสงฆ์ทั่วสังฆมณฑลลงอุกเขปนียกรรมพระสุวิทย์ธีรธมฺโม (พุทธะอิสระ) โดยระบุว่า ด้วยเป็นที่ปรากฏชัดเจนต่อสาธารณะว่าพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือ พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม แม้อาศัยสงฆ์ในสังมณฑลไทย อุปสมบทในพระพุทธศาสนา เป็นผู้หัวดื้อ ว่ายากสอนยากได้สมคบคฤหัสถ์ ด้วยการสมคบอันไม่สมควร ตะเกียกตะกายทำลายสงฆ์ เป็นผู้ก่อความบาดหมางก่อการทะเลาะ ก่อการวิวาท ทำความอื้อฉาวก่ออธิกรณ์ในสงฆ์ เป็นภิกษุพาล สันดานหยาบรุกรานพระเถระ ไม่ฉลาดในธรรม มีอาบัติมากมีมารยาทไม่สมควร มีความประพฤติเป็นที่รังเกียจต่อคณะสงฆ์ เห็นควรให้ใช้หลักพระธรรมวินัยตามที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตไว้ ลงอุกเขปนียกรรมยกภิกษุผู้เช่นนั้นออกจากหมู่สงฆ์ จนกว่าจะละทิฐิกลับตัวกลับใจอันจะยังความสุขสงบกลับคืนสู่สังฆมณทลและพุทธบริษัท แม้นมิอาจละทิฐิยังมุ่งมั่นตะเกียกตะกายทำลายสงฆ์ ควรได้รับการลงโทษสถานหนักประกาศปัพพาชนียกรรม ขับไล่ออกจากหมู่สงฆ์ สิ้นสุดความเป็นพระหาอาวาสมิได้ด้วยอุกเขปนียกรรมนี้ ขอสงฆ์ทั้งปวงพึงทราบว่า ภิกษุผู้เช่นนั้นจะมิอาจร่วมสังฆกรรมใดๆในฐานะของสงฆ์ มีการบวชนาค และการลงอุโบสถสวดปาติโมกข์ เป็นต้น สังฆกรรมใดที่ภิกษุผู้เช่นนั้นอยู่ในหัตถบาส สังฆกรรมนั้นเป็นอันถึงความเป็นสังฆกรรมวิบัติ เพราะอุกเขปนียกรรมนี้“

(ขอบคุณข่าวจากเดลินิวส์)
https://www.dailynews.co.th/education/388817
……………………………………………………

ในอดีตครั้งพุทธกาล

พระภิกษุสงฆ์ได้แบ่งกันเป็นกลุ่มเป็นก๊กตามที่ปรากฏในพระไตรปิฎกโดยมี

กลุ่มพระปัญจวัคคีย์
กลุ่มพระภิกษุเพื่อนพระยสะ
กลุ่มพระภิกษุชฏิล ๓ พี่น้อง
กลุ่มพระภิกษุอัครสาวก
กลุ่มพระภิกษุชาวแคว้นมคธ
กลุ่มพระภิกษุชาวแคว้นโกศล
กลุ่มพระภิกษุชาวแคว้นสักกะ
กลุ่มพระภิกษุมาณพ ๑๖
กลุ่มพระภิกษุชาวแคว้นวังสะ
กลุ่มพระชาวแคว้นอวันตี
กลุ่มพระภิกษุชาวปาฐา เป็นต้น

ซึ่งไม่ว่าพระภิกษุในสมัยพุทธกาลจักมีกี่กลุ่ม กี่จำพวก กี่วรรณะก็ตาม

ล้วนมีเครื่องอยู่ เครื่องผูกให้อยู่ร่วมกันได้ด้วยพระธรรมและวินัย

โดยมีองค์พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเป็นหลักชัย

มีบรรดาพระมหาเถระอริยสงฆ์เป็นต้นแบบของกลุ่มสงฆ์ทุกหมู่เหล่า

แม้เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าก่อนทรงปรินิพพาน ยังทรงสั่งสอนให้ยึดถือพระธรรมวินัยเป็นดุจดังพระบรมศาสดา

พระธรรมวินัยอันบริสุทธิ์ บริบูรณ์ ได้ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านพ้นสถานการณ์ทำลายล้างอันเลวร้ายจากภัยภายนอกและภัยภายในมาได้จนถึงปัจจุบัน

แม้จะมีสถานการณ์อันตรายที่เลวร้ายย่ำยีพระธรรมวินัยทั้งภายในและภายนอกศาสนา

ก็ไม่สามารถทำลายรากฐานอันบริสุทธิ์บริบูรณ์และหลักการสำคัญของพระธรรมวินัยนี้ลงได้

เพราะหมู่สงฆ์ผู้ทรงไตรสิกขาช่วยกันดำรงรักษาแก่นแท้ของพระธรรมวินัยเอาไว้ตลอดมา

จวบจนมาถึงปัจจุบัน จากความอ่อนแอของหมู่สงฆ์ ละเว้น ละเลย ไม่ปฏิบัติตามไตรสิกขา ศีล สมาธิ ปัญญา

อีกทั้งองค์กรปกครองสูงสุดของสังฆมณฑลก็ยังอ่อนแอ ขาดคุณธรรม ความรับผิดชอบในหน้าที่ แถมเสพติดโลกธรรมทั้ง ๘

จนหลงลืมหน้าที่ ที่จะกระทำ

ปล่อยให้เกิดอลัชชีสร้างลัทธิวัตถุนิยมขึ้นมาครอบงำสังฆมณฑล และทำลายล้างหลักการเดิมของพระธรรมวินัยอย่างเป็นระบบ

เป็นที่น่าแปลกใจที่หมู่สงฆ์ทั้งหลายแทนที่จะเห็นโทษเห็นภัยที่เกิดขึ้นกับพระธรรมวินัยและสังฆมณฑล

กลับไปยึดติดอยู่กับลาภสักการะและโลกธรรมที่เจ้าลัทธิธรรมกายมอบให้ จนหลงใหลมืดบอด เห็นผิดเป็นชอบ มักมาก อยากได้ ยึดถือลาภ ยศ วัตถุ สุข เป็นใหญ่

ไม่ใส่ใจหลักธรรมหลักวินัย

พอสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชทรงเล็งเห็นโทษเห็นภัยที่จะเกิดขึ้นกับหลักการสำคัญของพระพุทธศาสนา คือพระธรรมวินัย

ทรงออกมาโจทก์ชี้มูลความผิดให้สังฆมณฑลและสังคมได้รับรู้ว่าลัทธิธรรมกายกำลังย่ำยีพระธรรมวินัย ทำลายสังฆมณฑล โดยเอาลาภสักการะเข้าหลอกล่อ

แทนที่สังฆมณฑลและผู้มีหน้าที่จะสำเหนียกสำนึก ช่วยกันออกมาปกป้องและกำจัดอลัชชีสงฆ์ที่แฝงปลอมปนเข้ามาอาศัยพระธรรมวินัยหากิน และทำลายหลักการสำคัญของพระธรรมวินัยให้หมดสิ้นไป

กลับมากล่าวหาว่าสมเด็จพระสังฆราชทรงอิจฉา ไม่อยากเห็นมหานิกายเจริญรุ่งเรือง

พอสมเด็จพระสังฆราชทรงเอาจริงเอาจัง ต้องการจะปกป้องพระธรรมวินัยและกำจัดอลัชชีธัมมชโย

หัวหน้ามหานิกายต่างดาหน้ากันออกมาปกป้องลัทธิทำลายล้างพระธรรมวินัยกัน ไม่เกรงกลัวบาปกรรม ถึงขนาดกล่าวว่า “แมลงวันจะไม่ตอมแมลงวันด้วยกันเอง” นี่คือคำพูดของสมเด็จเกี่ยวแห่งวัดสระเกศ ผู้มีสายสัมพันธ์อันหนาแน่นกับลัทธิธรรมกาย

และก็ส่งผ่านมาถึงยุคสมเด็จช่วงแห่งวัดปากน้ำ ผู้เป็นอุปัชฌาย์ของอลัชชีลัทธิธรรมกาย

ออกมาแสดงท่าทีอย่างเด่นชัดว่า วัดปากน้ำกับวัดธรรมกายเป็นวัดพี่วัดน้อง มีอะไรต้องช่วยเหลือกัน

เมื่อสมเด็จพระสังฆราชทรงเห็นว่าความเพียรพยายามของพระองค์จักไม่เป็นผล จึงทรงเสด็จมาขอให้พุทธะอิสระแห่งวัดอ้อน้อยช่วยสานงานกำจัดภัยพระพุทธศาสนาต่อ เพื่อรักษาพระธรรมวินัยอันบริสุทธิ์บริบูรณ์ให้คงไว้ชั่วลูกชั่วหลาน

พุทธะอิสระเมื่อรับปากของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช จึงได้พยายามทำทุกวิถีทางแม้จักต้องเสียสละอุทิศเพศภาวะของสมณะผู้สงบ ชีวิต เลือดเนื้อก็พร้อมที่จะทำ เพื่อปกป้องรักษาพระธรรมวินัย

แต่กลับมาถูกพวกลิ่วล้ออลัชชีลัทธิธรรมกาย ยกเอาพฤติกรรมกำจัดอลัชชีสงฆ์ของพุทธะอิสระมาอ้างว่าเป็นผู้ทำลายตระกูลสงฆ์ ทำลายสังฆมณฑล ทำให้หมู่สงฆ์มัวหมอง

ถึงขนาดประกาศลงอุกเขปนียกรรม คือการวางเฉยไม่คบค้าสมาคมด้วย

หากจะว่ากันตามความเป็นจริง หมู่สงฆ์พวกนี้ไม่นิยมคบค้ากับภิกษุผู้กำจัดอลัชชีอย่างพุทธะอิสระ แต่จะนิยมคบค้ากับหมู่อลัชชีผู้มีเงินหนา ให้ลาภสักการะแก่พวกเขาทุกปี

ถามว่าหมู่สงฆ์ที่ประกาศลงทัณฑ์พุทธะอิสระ มีใครบ้างที่ไม่เคยได้รับเงินทองจากลัทธิธรรมกาย

มีใครบ้างที่ไม่เคยไปวัดธรรมกาย

ในอดีตมีหมู่ภิกษุสงฆ์หลายกลุ่มหลายก๊ก แต่รวมกันได้ด้วยหลักธรรมวินัย

ปัจจุบันก็มีหมู่ภิกษุหลายกลุ่มหลายก๊ก แต่รวมกันได้ด้วยลาภสักการะ ยศถาบรรดาศักดิ์ และอำนาจการปกครองบังคับบัญชาของอุปัชฌาย์อลัชชี

บอกให้สังคมเขารู้กันมาเลยว่า

พวกที่ออกมาประกาศลงทัณฑ์พุทธะอิสระนั้น

อยู่กลุ่มก๊กธรรมกาย
หรือกลุ่มก๊กธรรมยุติ
หรือกลุ่มก๊กมหานิกาย
หรือกลุ่มก๊กใด ช่วยแจ้งชื่อยศตำแหน่งให้ชัดเจน

อย่าอ้างเอาแต่คำว่าหมู่สงฆ์ทั่วประเทศ

เพราะพระสงฆ์ทั่วประเทศรวมทั้งเณร มีรวมกว่า ๓๕๐,๐๐๐ รูป

วัดกว่า ๔๐,๐๐๐ วัด

ไอ้ที่ออกมาบอกสังคมว่าเป็นหมู่ภิกษุทั่วประเทศน่ะ มีกี่องค์

เป็นพระภิกษุก๊กไหน

บอกให้ชัด หากบอกไม่ชัด อย่ามาอ้างส่งเดช

บอกแล้วไงว่าต่อให้คนทั้งแผ่นดินจะถ่มถุยดูถูกเหยียดหยามสาปแช่ง

พุทธะอิสระ พญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะ ก็จะไม่ยอมหยุดที่จะกำจัดอลัชชีชั่วที่เข้ามาแฝงตัวอาศัยพระธรรมวินัยหากินและทำลายพระธรรมวินัย

ลงทุนมาขนาดนี้ อีกไม่กี่อึดใจก็จะเห็นผลแล้ว

ใครจริง ใครเท็จ ใครถูก ใครผิด ใครดี ใครชั่ว

อีกไม่กี่วันคงได้รู้กัน

ขอย้ำว่า พุทธะอิสระตายได้ แต่พระธรรมวินัยต้องไม่ตาย

ศึกครั้งนี้ขอสู้ตาย

พุทธะอิสระ