บทความ
มูลนิธิสังกัดธรรมกาย ทำอื้อฉาวที่ เชียงใหม่
๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
ขออนุญาตแชร์นะจ๊ะ
https://rabob.tripod.com/daily117.htm
เดลินิวส์ 15/3/2542
มูลนิธิสังกัดธรรมกาย ทำอื้อฉาวที่ เชียงใหม่
เอ้า… พวกมืดบอดทั้งหลาย ตั้งใจอ่านกันให้ดีๆ หละ เผื่อหูตาจะสว่างกันขึ้นมาบ้าง
——————————————
ฉาวอีกมูลนิธิสังกัดธรรมกาย ใช้ชื่อ “ศึกษาธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม” ขยายอาณาจักร ดัวยการขอเช่าที่ป่าตั้งศูนย์ปฏิบัติธรรมที่เชียงใหม่ แต่เกิดปัญหาชาวบ้านโวยมีการไล่ซื้อที่จากลูกศิษย์ “ธัมมชโย” ในเขตป่าสงวน เดิมเคยอยู่ในพระราชูปถัมภ์ แต่กองกิจการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทำหนังสือด่วน ถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย ยกเลิกการพระราชทานพระราชานุญาต ให้อยู่ในพระราชูปถัมภ์ ระบุกองกิจการในพระองค์ไม่เคยได้รับรายงาน ผลการดำเนินงานมูลนิธิ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงเรื่องที่ดิน สิ่งปลูกสร้างที่ครอบครอง
การขยายอาณาจักร ของวัดพระธรรมกาย นอกเหนือจากการใช้มูลนิธิธรรมกาย เข้าไปกว้านซื้อที่ดินทั่วประเทศแล้ว ตามที่เดลินิวส์ได้เสนอข่าวไปแล้ว ปรากฎว่า ยังมีการก่อตั้งมูลนิธิเพิ่มขึ้นมาอีกคือ มูลนิธิศึกษาธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมฯเข้ามาเพื่อใช้ในการขยายเครือข่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิศึกษาธรรมฯนี้ยื่นขอจดทะเบียน ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2536 โดยมีนางสาวนวลนิจ หงษ์วิวัฒน์ ลูกศิษย์คนสนิทของพระไชยบูลย์ ธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเป็นผู้ขอก่อตั้ง โดยประธานคือ น.ส.สมพร ต่อตระกูล ส่วนกรรมการส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นลูกศิษย์ของพระไชยบูลย์ อาทิ นางสาวสุวรรณลี เปี่ยมปิติ, นางสาวเสาวลักษณ์ เปี่ยมปิติ, นางจุฑามาส มรูณพันธ์ศรี, นายปรัชญา ก้อนจันทร และนางสาวภาวิณี เตชะพิสิษฐ์ โดยมีนางสาวนวลนิจ เป็นเลขานุการ
การจดทะเบียนได้ระบุว่ามูลนิธิดังกล่าว มีวัตถุประสงค์ ส่งเสริมการค้นคว้าเกี่ยวกับหลักธรรมในพุทธศาสนา, ส่งเสริมการปฏิบัติธรรม, เป็นทุน ในการจัดพิมพ์หนังสือหรือเอกสารใดๆ เผยแพร่ความรู้ เกี่ยวกับพุทธศาสนา หรือสิ่งแวดล้อม, เป็นทุนศึกษาค้นคว้าสมุนไพรและพันธุ์ไม้ป่า, ดำเนินการส่งเสริม ให้ประชาชนมีความรักในการรักษาป่าไม้และสิ่งแวดล้อมที่ดี โดยนำหลักคำสอนทางพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้, ดำนินการเพื่อสาธารณประโยชน์หรือร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่นๆ เพื่อสาธารณประโยชน์
หลังการจัดตั้งปรากฎว่า มูลนิธินี้ได้เข้าไปเช่าที่ป่า จากกรมป่าไม้ โดยตั้งเป็นสำนักปฏิบัติธรรมสนแก้ววนารามที่ต.บ่อหลวง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ และได้มีการส่งพระ เณร รวมถึงสาวกวัดพระธรรมกายไปปฏิบัติธรรม ที่สนแก้ววนารามอย่างสม่ำเสมอ อาท ิโครงการอบรม บรรพชาสามเณรลูกแก้ว รุ่น 2 เมื่อระหว่างวันที่ 25 มีนา คม ถึง 1 พฤษภาคม 2538
อย่างไรก็ตาม การส่งพระขึ้นไปปฏิบัติธรรมนี้ ได้มีการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า ประพฤติปฏิบัติไม่เหมาะสม ไม่เคยออกมาบิณฑบาตร ไม่เคยร่วมปฏิบัติกิจสงฆ์ และยังมีเรื่องของการเรี่ยไรบอกบุญมากจนเกินไป นอกจากนั้นยังมีการร้องเรียนว่า บริเวณดังกล่าวมีการบุกรุกเข้าไปซื้อที่ดิน ของศิษย์คนสนิทวัดพระธรรมกายในพื้นที่ใกล้เคียงกับที่ดินของมูลนิธิด้วย และทำให้เกิดการร้องเรียน จากชาวบ้านว่าบุกรุกที่ป่า ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบการกระทำผิด
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าเดิมทีมูลนิธิศึกษาธรรมฯ อยู่ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร แต่เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2542 ที่ผ่านมา พล.อ.ต. สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ปฏิบัติหน้าที่พนักงานเอก หัวหน้าฝ่ายราชเลขานุการในพระองค์ ทำหนังสือด่วนที่สุด จากกองกิจการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระตำหนักนนทบุรี ถึงนายชนะศักดิ์ ยุวบูรณ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ขอยกเลิกการพระราชทาน พระราชานุญาตให้มูลนิธิศึกษาธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมอยู่ในพระราชูปถัมภ์
เนื้อหาจดหมาย คือตามอ้างถึงกองกิจการในพระองค์ฯได้มีหนังสือแจ้งเรื่องสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทาน พระราชานุญาตให้มูลนิธิศึกษาธรรมสิ่งแวดล้อม อยู่ในพระราชูปถัมภ์ พร้อมทั้งทรงมีพระราชปรารภว่า ขอให้มูลนิธิฯปฏิบัติภาระกิจหน้าที่ให้เป็นไปในทางที่ถูกที่ควร อันจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน อีกทั้งเกิดผลต่อต่อประเทศชาติและพุทธศาสนานั้น
แต่เนื่องจาก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน กองกิจการในพระองค์ฯ มิได้รับรายงาน ผลการดำเนินงานของมูลนิธิฯ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างภายในพื้นที่รับผิดชอบ ของมูลนิธิฯแต่ประการใด การดำเนินการต่างๆ หรือการเปลี่ยนแปลงสิ่งใดๆในพื้นที่ความรับผิดชอบของมูลนิธิฯ อาจส่งผลให้เกิดความเสื่อมเสียพระเกียรติยศ ตามมาในภายหลังได้ เพื่อเป็นการป้องกันสิ่งต่างๆที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียพระเกียรติยศได้นั้น กองกิจการในพระองค์ฯ จึงขอยกเลิก การให้มูลนิธิศึกษาธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมอยู่ในพระราชูปถัมภ์ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สำหรับบรรยากาศภายในวัดพระธรรมกาย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้มาปฏิบัติธรรมยังคงเงียบเหงาเช่นเดิม โดยมีผู้มาปฏิบัติธรรมเพียง 2,000-3,000 คนเท่านั้น อย่างไรก็ดีทางวัดพระธรรมกาย ยังคงเข้มงวดเกี่ยวกับการตรวจสอบผู้ที่มาปฏิบัติธรรมในวัดเช่นเดิม เพื่อป้องกันมิให้สื่อมวลชนทุกแขนง เข้าไปทำข่าวภายในวัด ซึ่งส่วนใหญ่ต้องใช้วิธีพรางปะปนเข้าไปกับผู้มาปฏิบัติธรรม
รายงานระบุว่า การแสดงธรรมประจำวันอาทิตย์นั้น พระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือ ธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดลงแสดงธรรมด้วยตนเอง โดยไม่ได้มีการเทศน์ พาดพิงไปในเรื่องของการตัดสินของพระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดยานนาวาและเจ้าคณะภาค 1 รวมทั้งมติของมหาเถรสมาคม ที่ให้มีการนำรายงายการศึกษาของคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลป และวัฒนธรรมมาพิจารณาประกอบการตัดสินคดีของวัดพระธรรมกายแต่อย่างใด
พระราชธรรมนิเทศ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ กล่าวถึงกรณีที่มหาเถรสมาคมมีมติให้วัดธรรมกาย เปลี่ยนคำสอน นิพพานเป็นอัตตา ว่าจะต้องมีคำสั่ง ยกเลิกเอกสารคำสอน และเทปต่างๆที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะหนังสือมงคลชีวิต ของพระสมชาย ฐานวุฒโฑ เนื่องจากหนังสือเหล่านี้ต่อไปจะกลายเป็นมรดกบาป ถือเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะมีการ นำมาให้นักเรียนเข้าแข่งขันตอบปัญหา ให้ตรงกับที่หนังสือมงคลชีวิตเขียนไว้ จะเป็นปัญหาที่สร้างความขัดแย้งที่ต่อเนื่อง
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรฯ ยังกล่าวถึงที่วัดธรรมกาย ยึดชมรมพุทธของมหาวิทยาลัยต่างๆ นับเป็นการกระทำที่เลวทรามมาก คือมีการนำเอาตู้โบราณ ที่มีการสลักลวดลายพิมพ์ไทย และหนังสือพุทธศาสนาที่แต่งโดยนักปราชญ์ และคณาจารย์ต่างๆ มาเผาทำลายจนหมดสิ้น แล้วนำเอาหนังสือของวัดธรรมกายที่เขียนโดยพระธัมมชโย และพระทัตตชีโว มาเผยแพร่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง อาตมาเคยทำหนังสือไปยังอธิการบดีของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ทางอธิบดีได้มีหนังสือตอบกลับมาว่า เรื่องนี้เป็นเสรีภาพทางวิชาการ ซึ่งรัฐธรรมนูญได้เปิดช่องไว้
อย่างไรก็ตาม อาตมามีความเป็นห่วง รธน.ใหม่ที่จะมีปัญหา หากมีการยุบสภาฯ แล้วเลือกตั้งใหม่ โดยมีพรรคพวกของวัดธรรมกาย เสนอ พรบ.ออกมาให้สามารถแยกออกเป็นนิกายได้ ตรงนี้มันน่ากลัวมาก อาตมาเชื่อว่า กรณีวัดธรรมกายจะยุติได้ต้องใช้เวลา ทางที่ดี คือต้องเอาพระระดับแกนนำของวัดธรรมกายมาคุยกัน มีการเปิดพระไตรปิฎกมาดูและชี้แจง พิสูจน์กันเป็นข้อๆ นำเหตุผลมาลบล้างกันเชื่อว่า พระธัมมชโย อาจจะยอม เพราะมีความนับถือพระผู้ใหญ่ 3 รูป เช่น สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ สมเด็จพระมหาธีรจารย์ วัดชนะสงคราม พระพรหมโมลี วัดยานนาวา
ด้าน พระมหาบุญถึง ชุติณธโร รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ได้กล่าวเรียกร้องให้มหาเถรสมาคมกล้าตัดสินใจในปัญหาธรรมกาย โดยไม่ควรเห็นแก่ความเป็นลูกศิษย์กับอาจารย์ ลาภสักการะ จะต้องเลือกระหว่าง พุทธศาสนากับตัวบุคคล ซึ่งมหาเถรสมาคมจะต้องเลือกเอาความถูกต้อง คงจะไม่ทวนกระแสสังคมและประชาชน
พระมหาบุญถึง กล่าวถึงเรื่องที่มีการเผาตำราในชมรมพุทธว่า เป็นการกระทำที่ผิดมหันต์ เพราะ ถือเป็นการลบล้างคำสอนของพุทธศาสนา ตามหลักคำสอนที่ถูกต้อง แล้วเอาคำสอนที่ผิด มาล้างสมองเหล่าเยาวชน ที่กำลังเติบโต ป็นกำลังของชาติ มันอันตรายมากถือเป็นการ บ่อนทำลายพระพุทธศาสนาโดยตรง เปรียบเสมือนวัดธรรมกายนั้นเป็น “เทวทัต” ในยุคปัจจุบัน
——————————————
อ่านแล้วพวกสำนักเทวทัต จะอธิบายอย่างไร หรือจะแถกแถไปว่า หนูถูกใส่ร้าย
พุทธะอิสระ