บทความ
ฟังลุงตู่แกพูดแล้ว ทำให้ขำอยู่ในใจ
๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
อยากบอกว่าสิ่งที่ท่านผู้นำ ทำ พูด คิด พวกเราคนรักชาติทั้งหลายเข้าใจดี
เข้าใจถึงความอึดอัดคับข้องใจที่ท่านได้รับจากสถานการณ์บีบคั้น ทั้งศาสนจักร และอาณาจักร
ต่างประเดประดังรุมเร้าเข้าหาท่าน
ทั้งหมดนี้พวกเรารู้ดีว่าท่านไม่ได้ทำขึ้น ไม่ได้สร้างขึ้น แต่ต้องรับหน้าที่ชำระล้างความเน่าเหม็นโสมมที่ระบอบทักษิณสร้างขึ้นไว้
ระบอบทักษิณไม่ได้ทำความเสียหายแค่อาณาจักรเท่านั้น แต่ยังทำลายล้างสมดุลของระบบคุณธรรมในศาสนจักรให้เสียหายอย่างหนักจนสุดจะเยียวยา
จากนักบวชผู้ละ วาง ปล่อย เว้น กลับต้องมากลายร่างเป็นผู้มักมากอยากได้ ตะกละตะกลาม สะสม ระดมทุนทรัพย์
เพื่อสร้างความร่ำรวย เสริมสถานะ เพื่อให้ตนและพวกดูเป็นคนมีสง่าราศี
เพราะคำนิยมที่เชื่อว่า ร่ำรวย มั่งคั่ง คือความเจริญรุ่งเรือง
วิธีคิดเช่นนี้ หาใช่มีแต่ฝ่ายอาณาจักรอย่างเดียวไม่
แม้บุคคลในศาสนจักรก็ชื่นชอบ ชื่นชม แสวงหาความนิยม ทำให้ตนเป็นผู้ร่ำรวย
ความทุกข์ยากเลยตกอยู่กับผู้ศรัทธา อย่างช่วยไม่ได้
ที่มีผู้นำทางจิตวิญญาณมักใหญ่ใฝ่รวย ทะเยอทะยาน อยากได้ไม่จบสิ้น ผู้ศรัทธาจึงต้องถูกรีดไถหมดเนื้อ หมดตัว ถึงกับต้องฆ่าตัวตายบ้างก็มี
จากการบริจาคเพื่อความขจัดความตระหนี่ คับแคบ เอาเปรียบ เห็นแก่ตัว
กลายมาเป็นการบริจาคเพื่อการเสริมสร้างบารมี มีสวรรค์ชั้นดีได้อยู่อาศัยบริจาคเพื่อให้ได้มาซึ่งความร่ำรวย
เรียกว่ายิ่งให้ยิ่งตะกละ ยิ่งตระหนี่ยิ่งทะเยอทะยานอยาก
ผิดหลักคำสอนของพระบรมศาสดา ที่ทรงให้บริจาคเพื่อทำลายความตระหนี่ และเห็นแก่ตัว
นักบวชพวกนี้เมื่อได้เงินได้ทรัพย์มา ก็ใช้เป็นเครื่องมือสร้างฐานะทางสังคม สร้างภาพลักษณ์ให้คนนิยม สร้างบริวารและจัดซื้อยศตำแหน่ง
ตัวอย่างกรณีเจ้าคุณแป๊ะและสมเด็จช่วงแห่งวัดปากน้ำ กับธรรมกาย เป็นต้น
แทนที่จะให้คนนิยมเพราะเป็นผู้เจริญธรรม เจริญปัญญา สะอาด สว่าง สงบ
ใครเห็นใครสัมผัสก็จะได้พบความอิ่ม เต็ม ปิติสุข ห่างไกลทุกข์เพราะมีปัญญา นี่คือหลักการของพระบรมศาสดา
แต่นักบวชยุคปัจจุบันนิยมความมั่งคั่งร่ำรวยทรัพย์มากกว่านิยมธรรม นิยมวินัย
เป็นอยู่เพียงแค่มาอาศัยพระธรรมวินัยสร้างฐานะหากินกันเท่านั้น
มันถึงเวลาแล้วล่ะท่านนายก
ถึงเวลาที่ท่านจะต้องหันมาให้ความสนใจ ใส่ใจถึงปัญหาความเน่าในของสังฆมณฑล ที่เกาะกินจิตวิญญาณของสังคมไทยโดยอยู่ทุกวันนี้
หากท่านยังมีเวลาเหลืออีก ๕ ปี พวกเราก็คงไม่ต้องเร่งเร้าท่านให้จัดการชำระล้าง แก้ปัญหาในดงขมิ้น จนทำให้อึดอัดลำบาก
แต่นี่ท่านบอกพวกเราว่าท่านเหลือเวลาอีกเพียงปีเดียว
พวกเราจึงรู้สึกเป็นกังวลว่าจะเสียของ เหนื่อยเปล่า ที่ออกไปเสี่ยงบนถนนกินนอน
แต่อลัชชีก็ยังเกาะกินพระธรรมวินัยอยู่ได้ถาวร
หากท่านผู้นำบอกให้พวกเรารู้ว่าจะอยู่ต่ออีก ๒-๓ ปี
เช่นนี้เราคงไม่ต้องเร่งปิดเกม บีบคั้นสร้างภาระให้ท่านหรอก
เพราะเข้าใจถึงความอึดอัดของท่านดีมาตลอด
ถือว่าทำบุญประเทศเถิดท่านนายก
ขอให้ช่วยปฏิรูปคณะสงฆ์และกิจการพระพุทธศาสนา แก้ไขกฎหมายปกครองคณะสงฆ์ กระจายอำนาจการปกครองจากส่วนกลางให้กับคณะสงฆ์ในส่วนภูมิภาคเขาได้มีโอกาสแก้ปัญหา บริหารปกครองกันเองบ้าง ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ต้องภิกษุในกรุงเทพเท่านั้น
ไหนๆ ท่านก็อาสาเข้ามาคืนความสุขให้กับประเทศแล้ว ขอจงช่วยคืนความสุข ปฏิรูปศาสนจักรให้สำเร็จด้วย
ถือว่าช่วยให้คนไทยได้จิตวิญญาณไทยกลับคืนมา พุทธบริษัทจักได้มีความสุขอย่างยั่งยืนเสียที
พุทธะอิสระ