บทความ
ขออนุญาตแชร์นะจ๊ะ
อ่านข้อคิดเห็นของฉันมานานแล้ว ลองอ่านวิธีคิดของอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกากันดูบ้าง เผื่อพวกหางแดงจะสว่างกันขึ้นมาบ้าง
(ขอบคุณข่าวจากเดลินิวส์ออนไลน์)
https://www.dailynews.co.th/education/378922
พุทธะอิสระ
____________________
อสส.เผยพิจารณาสำนวน เตรียมฟื้นคดีถอนฟ้อง”ธัมชโย” | เดลินิวส์
อสส.เผยอยู่ระหว่าพิจารณาสำนวน เพื่อรื้อคดีถอนฟ้อง”ธัมชโย” เบียดบังทรัพย์ เผยเกี่ยวมติ มส. ที่กางปีกป้องไม่ปรับโทษอาบัติปาราชิก ชี้เป็นคนละส่วนกัน วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 17:45 น.
เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด (อสส.) เปิดเผยความคืบหน้า เกี่ยวกับการตรวจสอบสำนวนคดีที่นายพชรยุติธรรมดำรง อดีตอัยการสูงสุด มีคำสั่งเปลี่ยนชุดพนักงานอัยการผู้ว่าคดีเเละการถอนฟ้องคดีพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังเอาทรัพย์สินเป็นของตนเอง โดยทุจริตจากศาลอาญา เมื่อปี2549ว่า ขณะนี้ คณะทำงานซึ่งมีน.ส.นิภาพรรุจนรงศ์ รองอัยการสูงสุดเป็นหัวหน้า กำลังพิจารณาในเรื่องนี้อยู่ส่วนจะแล้วเสร็จเมื่อใดนั้นยังไม่ทราบ เนื่องจากไม่มีการกำหนดกรอบระยะเวลา
ส่วนกรณีที่ มหาเถรสมาคม (มส.) มีความเห็นว่าพระธัมชโยไม่มีความผิด และไม่ต้องอาบัติปาราชิกในทางธรรม จะมีผลในการพิจารณาเรื่องรื้อฟื้นคดียักยอกทรัพย์หรือไม่นั้นเป็นคนละส่วนกัน ไม่มีความเกี่ยวเนื่องกัน เรื่องของคดีก็เป็นส่วนคดี ส่วนตนจะพิจารณามีความเห็นอย่างใดนั้นจะต้องพิจารณาจากสำนวนที่คณะทำงานอัยการกำลังพิจารณาอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตรวจสอบสำนวนคดีที่ นายพชร มีคำสั่งเปลี่ยนชุดพนักงานอัยการผู้ว่าคดี เเละถอนฟ้องคดีพระธัมมชโยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังเอาทรัพย์สินเป็นของตนเองโดยทุจริตเมื่อปี 49เริ่มจากที่ มีการร้องเรียนถึงเรื่องคำสั่งการถอนฟ้องคดียักยอกทรัพย์ดังกล่าวต่อสำนักงานอัยการสูงสุด นายตระกูล วินิจนัยภาค อสส.(ในขณะนั้น)จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยมี น.ส.นิภาพร รุจนรงศ์ รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงานซึ่งหลังจากมีการพิจารณาของคณะทำงานแล้วน.ส.นิภาพร ได้ทำความเห็นส่งให้ นายตระกูล อสส.ขณะนั้น พิจารณาเเล้ว เเต่นาย ตระกูล พิจารณาแล้ว เห็นสมควรให้มีการสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจึงส่งสำนวนกลับไปยัง นส.นิภาพรเพื่อสอบเพิ่มอีกครั้ง
ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างพิจารณาของคณะทำงาน ซึ่งหากมีการสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมแล้วจะได้มีการเร่งนำเสนอไปยังร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อสส.คนปัจจุบันพิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไปว่าจะให้ดำเนินการรื้อฟื้นคดีหรือไม่
อดีตผู้พิพากษาแย้ง’มติมส.’ ชี้พระร่วมประเวณียังอาบัติ | เดลินิวส์
เสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2559
อดีตผู้พิพากษาแย้ง’มติมส.’ ชี้พระร่วมประเวณียังอาบัติ “ชูชาติ ศรีแสง” อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา เห็นแย้ง “มติมหาเถรสมาคม” ยกเคสพระร่วมประเวณีผู้หญิง แม้ไม่โดนข้อหาข่มขืน ก็ต้องอาบัติปาราชิก เฉกเช่น “ธัมมชโย” ที่มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์แล้ว
วันพฤหัสที่ 11 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 9:28 น. นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ระบุว่า…..
พระภิกษุรูปหนึ่งข่มขืนกระทำชำเราผู้หญิงคนหนึ่งอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 10 ปี
มาตรา 281 บัญญัติว่า ความผิดตามมาตรา 276 วรรคแรก ถ้ามิได้เกิดต่อหน้าธารกำนัล ไม่เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตาย หรือมิได้เป็นการต่อกระทำแก่บุคคลดังที่ระบุไว้ในมาตรา 285 เป็นความผิดอันยอมความได้
การข่มขืนกระทำชำเราที่เกิดขึ้นเข้าข่ายตามมาตรา 281 จึงเป็นความผิดอันยอมความได้
ภิกษุรูปนั้นถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราดังกล่าว ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล ผู้หญิงที่ถูกข่มขืนซึ่งเป็นผู้เสียหายแถลงต่อศาลว่า ไม่ติดใจให้ดำเนินคดีแก่พระภิกษุรูปนั้นอีกต่อไปและขอถอนคำร้องทุกข์
เนื่องจากเป็นความผิดอันยอมความได้ เมื่อผู้เสียหายได้ขอถอนคำร้องทุกข์ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) ศาลต้องจำหน่ายคดีดังกล่าวออกจากสารบบความ พระภิกษุจำเลยจึงไม่ถูกศาลลงโทษ
แต่ไม่ได้หมายความจำเลยหรือพระภิกษุรูปนั้น ไม่มีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราที่เป็นการร่วมประเวณีกับหญิงผู้เสียหาย
กรณีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายที่เอาที่ดินของวัดมาใส่ชื่อตนเองในโฉนดที่ดินเป็นผลให้ที่ดินก็ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองอันเป็นความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 252 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ และได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลในข้อหายักยอก แม้ต่อมาได้โอนคืนที่ดินให้แก่วัดและพนักงานอัยการโจทก์ขอถอนฟ้องคดีไปจากศาล
แต่ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ที่ครบองค์ประกอบความผิดโดยสมบูรณ์แล้ว ก็ยังคงเป็นความผิดอยู่
ขอถามผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า การที่พระภิกษุได้ร่วมประเวณีกับผู้หญิงแม้ไม่ถูกศาลลงโทษในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา พระภิกษุรูปนั้นต้องอาบัติปราชิกและต้องขาดจากความเป็นพระภิกษุหรือไม่
ถ้าพระภิกษุรูปดังกล่าวต้องอาบัติปราชิกและต้องขาดจากความเป็นพระภิกษุ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายก็ต้องอาบัติปราชิกและต้องขาดความเป็นพระภิกษุเช่นเดียวกัน ครับ