ว่าจะไม่เขียน ไม่โพสต์ ไม่พูด ไม่บ่นถึงพฤติกรรมของพวกนักการเมืองขี้ฉ้อ สันดานขี้โกง แล้วเชียวนา (ตอนที่ 2)

0
18

ว่าจะไม่เขียน ไม่โพสต์ ไม่พูด ไม่บ่นถึงพฤติกรรมของพวกนักการเมืองขี้ฉ้อ สันดานขี้โกง แล้วเชียวนา (ตอนที่ ๒)
๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

วันนี้เรามาเรียนรู้ต่อในประเด็นที่ถกกันในสังคมเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลในบริเวณเกาะกูด โดยมีคำให้สัมภาษณ์ของ พ.ณ.ท่านนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ ๒ ของไทยออกมาอ้ำๆ อึ้งๆ อึกๆ อักๆ ตะกุกตะกัก พยายามอธิบายตอบคำถามของนักข่าว

นักข่าวถามว่าการไม่ยกเลิกเอ็มโอยูจะทำให้คนมองว่าเรายอมรับการขีดเส้นของกัมพูชาหรือไม่

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

“อันนั้นคือความเข้าใจผิด เราไม่ได้ยอมรับเส้นอะไร เอ็มโอยูดังกล่าวคือการที่เราคิดไม่เหมือนกัน แต่เราต้องแก้ไขปัญหาร่วมกันทั้ง 2ประเทศ ตั้งแต่ปี2515 กัมพูชาขีดเส้นมาก่อน ต่อมาปี 2516 เราขีดเส้นด้วย แม้จะขีดเหมือนกันแต่ข้อตกลงข้างในไม่เหมือนกัน จึงทำเอ็มโออยู่ขึ้นมา และเปิดการเจรจาให้ทั้ง 2 ประเทศตกลงกันว่าจะเป็นอย่างไร ขอย้ำว่าเกาะกูดไม่เกี่ยวกับการเจรจานี้ ให้คนไทยทุกคนสบายใจได้เลยว่าเราจะไม่เสียเกาะกูดไป และกัมพูชาก็ไม่ได้สนใจเกาะกูดของเราด้วย ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้”

นักข่าวถามว่ามีการอ้างสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยกเลิกเอ็มโอยู

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

“ไม่มี ข้อเท็จจริงเอ็มโอยูปี 2544 ยกเลิกไม่ได้ หากไม่เกิดการตกลงของทั้ง2ประเทศ เรื่องนี้ต้องเข้าที่ประชุมรัฐสภา และในปี 2552 ก็ไม่มีเรื่องนี้เข้าในรัฐสภา โดยระหว่างนี้นายกฯ ได้หันไปด้านข้าง ซึ่งนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตร และสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม (กธ.) ยืนอยู่ ก่อนที่นางนฤมลจะตอบกลับมาทันทีว่า “ปี 2557 ท่านพล.อ.ประยุทธ์ ยืนยัน” จากนั้นนายกฯ กล่าวต่อว่า ปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันทุกคนเป็นเนื้อเดียวกันว่า มีมติครม.ว่า ไม่มีการยกเลิก”

นักข่าวถามว่ามีเสียงเรียกร้องให้ยกเลิกเอ็มโอยู44

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

“ต้องถามว่ายกเลิกแล้วได้อะไร เราต้องกลับมาที่เหตุ และผล ทุกประเทศคิดไม่เหมือนกันได้ จึงต้องมีเอ็มโอยูว่า ถ้าคิดไม่เหมือนกันเราต้องคุยกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศ ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมาก การรักษาไว้ซึ่งความสงบระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญ ในเอ็มโอยูดังกล่าวเปิดให้ 2 ประเทศพูดคุยกัน จึงต้องถามว่ายกเลิกแล้วได้อะไร ถ้ายกเลิกฝ่ายเดียวโดนฟ้องร้องจากกัมพูชาแน่นอน ซึ่งไม่มีประโยชน์”

นักข่าวถามว่าการยืนยันวันนี้อาจถูกมองว่ารัฐบาลเดินต่อโดยไม่ฟังเสียงคัดค้าน

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

“ไม่จริงเลย ที่เรามากันวันนี้ทุกคนตกลงกันอย่างง่ายดาย และเข้าใจคอนเซปต์เดียวกันว่า ตกลงอันนี้คือข้อตกลงระหว่างประเทศ ไม่เกี่ยวเสียงคัดค้าน วันนี้ที่ออกมาพูดให้ประชาชนฟัง เพื่อจะอธิบายว่า

1.เอ็มโอยูไม่เกี่ยวกับเกาะกูด

2.เอ็มโอยูคือเรื่องระหว่าง 2ประเทศ หากจะยกเลิกต้องเป็นการตกลงระหว่างประเทศและ3.เรายังไม่เสียเปรียบเกี่ยวกับข้อตกลงเลย ฉะนั้นอย่าเอาเรื่องของการเมืองมาทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสั่นคลอน เราอยากให้เข้าใจตรงกันตามหลัก”

นักข่าวถามว่า ยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะเดินหน้าเอ็มโอยูใช่หรือไม่

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

“แน่นอน เราจะเดินต่อ ตอนนี้กัมพูชารอเราในเรื่องขอคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (JTC) ไทย-กัมพูชา ที่จะไปศึกษาและพูดคุย ซึ่งกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพลังงาน จะมาช่วยกัน”

นักข่าวถามว่ากลัวประเด็นนี้จะบานปลายหรือไม่

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

“ถ้าทุกคนเข้าใจในหลักการแล้ว ไม่น่าจะบานปลาย เพราะทั้งหมดคือข้อเท็จจริงไม่มีการคุยอะไรข้างหลัง เพราะที่ตนกล่าวมาคือกรอบเป็นหลักคิด เป็นกฎหมาย ย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เผือกร้อนของตน”

นักข่าวถามว่า ข้อกังวลเรื่องพลังงานใต้ทะเลแนวทางของรัฐบาลเป็นอย่างไร

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

“ต้องคุยกันระหว่างประเทศก่อน และต้องมีการศึกษารายละเอียดว่าจะแบ่งกันอย่างไรได้บ้าง เพื่อให้ผลประโยชน์ที่จะเกิดกับ 2 ประเทศยุติธรรมมากที่สุด เราจึงส่งคณะกรรมการที่รู้รายละเอียดไปศึกษาร่วมกันกับทางกัมพูชาให้ได้คำตอบที่จะสามารถต่อประชาชนได้อย่างชัดเจน”

นักข่าวถามว่า จะใช้ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชาในเรื่องนี้หรือไม่

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

“ความสัมพันธ์ที่ดีสามารถสร้างคอนเน็คชันที่ดีได้ เหมือนเรามีเพื่อนสนิทเราก็สามารถคุยกันได้ แต่เรื่องของประโยชน์ของประเทศเขาและประเทศเรา เราต้องใช้คณะกรรมการเพื่อไม่ให้มีอคติ ความรู้สึกของฉันของเธอขึ้นมา เราใช้คณะกรรมการเพื่อให้เกิดความรู้จริง รู้ครบและยุติธรรม”

นักข่าวถามว่า ยืนยันจะรักษาผลประโยชน์ให้กับประเทศไทยอย่างสูงสุดใช่หรือไม่
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

“ดิฉันเป็นคนไทย100% ประเทศไทยต้องมาก่อน คนไทยต้องมาก่อน รัฐบาลนี้ยืนยันจะรักษาแผ่นดินไทยไว้อย่างเต็มที่และจะทำให้พี่น้องประชาชนมีความสุขที่สุด”

โปรดติดตามตอนสุดท้ายว่า สิ่งที่นายกพูดจะหมิ่นเหม่ต่อการละเมิดกฎหมายและละเมิดพระราชอำนาจที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างไร

พุทธะอิสระ

——————————————–

ลิงค์จาก : https://www.facebook.com/photo/?fbid=936773668314903&set=a.107732901218988