มหาปรินิพพานสูตร (ตอนที่ 9)

0
34

มหาปรินิพพานสูตร (ตอนที่ ๙)
๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗

ความเดิมตอนที่แล้วจบลงตรงที่ นายจุนทกัมมารบุตรกราบทูลพระบรมศาสดาและหมู่ภิกษุสงฆ์ ขอให้ทรงรับภัตเพื่อเสวยในวันพรุ่งนี้

พระบรมศาสดาทรงรับด้วยดุษณีภาพ

ลำดับนั้น นายจุนทกัมมารบุตรทราบว่า พระผู้มีพระภาคทรงรับแล้วลุกจากอาสนะถวายบังคมพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณ หลีกไปแล้ว นายจุนทกัมมารบุตรให้ตระเตรียมของเคี้ยวของฉันอันประณีต และสุกรมัททวะ เป็นอันมาก ในนิเวศน์ของตน โดยล่วงราตรีนั้นไปจึงได้ไปกราบทูลกาลแด่พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ได้เวลาแล้ว ภัตตาหารสำเร็จแล้ว ฯ

ครั้งนั้น เวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงห่มผ้าจีวรแล้ว ทรงถือบาตรเสด็จ พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์เข้าไปยังนิเวศน์ของนายจุนทกัมมารบุตร ประทับนั่งบนอาสนะที่เขาจัดถวาย ครั้นพระผู้มีพระภาคประทับนั่งแล้วรับสั่งกะนายจุนทกัมมารบุตรว่า

ดูกรนายจุนทะ ท่านจงอังคาสเราด้วยสุกรมัททวะที่ท่านตระเตรียมไว้ แต่เพียงผู้เดียว จงอังคาสภิกษุสงฆ์ด้วยของเคี้ยวของฉัน อย่างอื่นที่ท่านตระเตรียมไว้เถิด

นายจุนทกัมมารบุตรทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว จึงอังคาสพระผู้มีพระภาคด้วยสุกรมัททวะที่ตนตระเตรียมไว้ อังคาสภิกษุสงฆ์ด้วยของเคี้ยวของฉันอย่างอื่นที่ตนตระเตรียมไว้

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะนายจุนทกัมมารบุตรว่า ดูกรนายจุนทะ ท่านจงฝังสุกรมัททวะที่เหลือเสียในหลุม เรายังไม่เห็นบุคคลใดในโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก แม้ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ที่จะบริโภคสุกรมัททวะนั้นแล้ว จะพึงให้ย่อยไปด้วยดีได้นอกจากตถาคต

(สุกรมัททวะ คือ อาหารที่ทำจากเห็ดชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นใต้ดิน)

นายจุนทกัมมารบุตรทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว จึงฝังสุกรมัททวะที่ยังเหลือเสียในหลุม แล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้วถวายบังคมนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคยังนายจุนทกัมมารบุตรผู้นั่งเรียบร้อยแล้วให้เห็นแจ้งในความจริงของหมู่สัตว์ ให้สมาทานในศีลสิกขา ให้อาจหาญในความจริงอันประเสริฐของหมู่สงฆ์นั้นให้รื่นเริงด้วยธรรมีกถา แล้วเสด็จลุกจากอาสนะเสด็จหลีกไป ฯ

ลำดับนั้น เมื่อพระผู้มีพระภาคเสวยภัตตาหารของนายจุนทกัมมารบุตรแล้วก็เกิดอาพาธอย่างร้ายแรง มีเวทนากล้าเกิดแต่การประชวรลงพระโลหิต ใกล้จะนิพพาน

พระผู้มีพระภาคทรงมีพระสติสัมปชัญญะ ทรงอดกลั้นเวทนาเหล่านั้นไว้ มิได้ทรงพรั่นพรึง ตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า

อานนท์เอ๋ย เราไปกันเถิดอานนท์ เราจักไปยังเมืองกุสินารา

ท่านพระอานนท์ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว ฯ

ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จแวะพักระหว่างหนทาง ทรงเสด็จเข้าไปยังโคนไม้ต้นหนึ่ง รับสั่งกับท่านพระอานนท์ว่า

ดูกรอานนท์ เธอจงช่วยปูผ้าสังฆาฏิซ้อนกันเป็นสี่ชั้นให้เรา เราเหน็ดเหนื่อยนัก จักนั่งพัก ณ โคนไม้นี้สักหน่อย ท่านพระอานนท์ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว ปูผ้าสังฆาฏิซ้อนกันเป็นสี่ชั้น พระผู้มีพระภาคประทับนั่งบนอาสนะที่พระอานนท์ปูถวายแล้ว ครั้นพระผู้มีพระภาคประทับนั่งแล้ว จึงรับสั่งกะท่านพระอานนท์ว่า

ดูกรอานนท์ เธอจงช่วยนำน้ำมาให้เรา เรากระหาย จักดื่มน้ำ

เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อครู่นี้ เกวียนประมาณ ๕๐๐ เล่ม เพิ่งจะข้ามผ่านน้ำนี้ไปแล้วน้ำนั้นน้อย ถูกล้อเกวียนบดแล้ว ขุ่นมัวไหลไปอยู่ แม่น้ำกกุธานทีนี้อยู่ไม่ไกล มีน้ำใสจืด เย็น ขาวมีท่าราบเรียบ น่ารื่นรมย์ พระผู้มีพระภาคควรจักทรงดื่มน้ำในแม่น้ำนี้ และยังทรงสรงสนาน ชำระพระวรกายได้หากพระองค์ปรารถนา
แม้ครั้งที่สอง พระผู้มีพระภาคก็ยังรับสั่งกะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ เธอจงช่วยนำน้ำดื่ม มาให้เรา เรากระหายยิ่งนักเราจักดื่มน้ำ

แม้ครั้งที่สองท่านพระอานนท์ก็ได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อครู่นี้ เกวียนประมาณ ๕๐๐ เล่ม เพิ่งจักผ่านข้ามไปแล้วน้ำนั้นน้อยถูกล้อเกวียนบดแล้ว ขุ่นมัวไหลไปอยู่ แม่น้ำกกุธานทีนี้อยู่ไม่ไกล มีน้ำใส จืด เย็น ขาว มีท่าราบเรียบ น่ารื่นรมย์ พระผู้มีพระภาคควรจักทรงดื่มน้ำในแม่น้ำนี้ แล้วจักทรงสรงสนานชำระพระวรกายได้หากพระองค์ทรงปรารถนา

แม้ครั้งที่สามพระผู้มีพระภาคก็ยังรับสั่งกะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ เธอจงช่วยนำน้ำมาให้เรา เรากระหาย จักดื่มน้ำ

ท่านพระอานนท์ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้วถือบาตรไปยังแม่น้ำนั้น ครั้งนั้น แม่น้ำนั้นถูกล้อเกวียนบดแล้ว มีน้ำน้อยขุ่นมัวไหลไปอยู่ เมื่อท่านพระอานนท์เข้าไปใกล้ก็กลับใสสะอาด ไม่ขุ่นมัวไหลไปอยู่ ท่านพระอานนท์ ได้มีความดำริว่า

“น่าอัศจรรย์หนอเหตุที่ไม่เคยเป็นมาได้เกิดขึ้นแล้ว ความที่พระตถาคตเป็นผู้มีฤทธิ์มากมีอานุภาพมาก แม่น้ำนี้ถูกล้อเกวียนบดแล้ว มีน้ำน้อยขุ่นมัว ไหลไปอยู่ เมื่อเราเข้าไปใกล้กลับใสสะอาด ไม่ขุ่นมัว ไหลไปอยู่”

ท่านพระอานนท์ตักน้ำมาด้วยบาตรแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์เหตุไม่เคยเป็นมาเป็นแล้ว ความที่พระตถาคตเป็นผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก เมื่อกี้นี้ แม่น้ำนั้นถูกล้อเกวียนบดแล้ว มีน้ำน้อยขุ่นมัวไหลไปอยู่ เมื่อข้าพระองค์เข้าไปใกล้ กลับใสสะอาด ไม่ขุ่นมัว ไหลไปแล้ว ขอพระผู้มีพระภาคจงเสวยน้ำเถิด ขอพระสุคตจงเสวยน้ำเถิด

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเสวยน้ำแล้ว จึงทรงตรัสว่า

โปรดติดตามตอนต่อไปนะจ๊ะ

เจริญธรรม

พุทธะอิสระ

——————————————–

ลิ้งค์จาก : https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/pfbid02sJcBCuM2GycZDFL4u13trkYfsD67NdK6Jo9bo5Xk74x59ahNadt9ybGSxdrbAPxWl