ประวัติของพระธรรมทินนาเถรี (ตอนที่ 3)

0
37

ประวัติของพระธรรมทินนาเถรี (ตอนที่ ๓)
๒๕ มกราคม ๒๕๖๗

ตอนที่แล้วจบลงตรงที่ องค์พระบรมศาสดา ทรงตรัสถึงอดีตชาติของภิกษุณีธรรมทินนาเถรี ให้แก่หมู่ภิกษุทั้งหลายได้สดับ ความว่า

ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ นางธรรมทินนาภิกษุณีถือปฏิสนธิในสกุลหนึ่งในเมืองหงสวดี เมื่อโตขึ้นเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างทำการงานของคน อื่น เป็นผู้มีปัญญา สำรวมอยู่ในศีล

ต่อมาวันหนึ่ง ในเวลาเช้า ขณะที่นางเอาหม้อน้ำกำลังจะไปตักน้ำ นางก็ได้พบพระสุชาตมหาเถระผู้เป็นพระอัครสาวกของพระพุทธเจ้าออกจากอารามเพื่อ ไปบิณฑบาต เมื่อได้เห็นท่านแล้วก็เกิดความเลื่อมใส จึงได้ถวายขนมด้วยมือของตน ท่านรับแล้วนั่งฉัน ณ ที่นั้นแหละ นางนิมนต์ท่านไปสู่เรือนได้ถวายโภชนะแก่ท่าน

ต่อมา นายของนางทราบเข้าแล้วชื่นชมในความเป็นผู้มีกุศลจิต เกิดความยินดีจึงได้แต่งนางให้เป็นลูกสะใภ้ของเศรษฐี

วันหนึ่งนางไปกับแม่สามีและได้เข้าเฝ้าพระสัมพุทธเจ้า ครั้งนั้น พระ บรมศาสดาทรงประกาศตั้งภิกษุณีองค์หนึ่ง ในตำแหน่งเอตทัคคะผู้เป็นธรรมกถึก นางได้ฟังพระพุทธพจน์นั้นแล้ว มีความยินดี ปรารถนาที่จะได้ตำแหน่งนั้นบ้างในอนาคต จึงได้นิมนต์พระสุคตเจ้าพร้อมด้วยหมู่สงฆ์ ถวายมหาทานแล้วกระทำอธิษฐานเพื่อปรารถนาตำแหน่งนั้น

ในเวลานั้น พระสุคตเจ้า ได้ตรัสพยากรณ์นางว่า ด้วยผลบุญที่นางได้ยินดีบำรุงพระศาสดา อังคาสพระศาสดากับสาวกสงฆ์ ขวนขวายในการฟังสัทธรรม มีจิตเจริญด้วยคุณธรรม นางจะได้ตำแหน่งนั้นตามที่ได้ตั้งความความปรารถนาไว้ โดยในแสนนับแต่กัปนี้ไป พระพุทธเจ้าพระนามว่าโคตม ซึ่งจักทรงมีสมภพในวงศ์พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก นางจักได้ เป็นธรรมทายาทของพระศาสดาพระองค์นั้น เป็นสาวิกาของพระศาสดา มีชื่อว่า ธรรมทินนา

เมื่อนางได้ฟังพระพุทธพยากรณ์นั้นแล้วก็มีความยินดี มีจิตประกอบด้วยเมตตา บำรุง พระมหามุนี ด้วยปัจจัยทั้งหลายจนตลอดชีวิต ด้วยกุศลกรรมที่ทำไว้แล้วนั้น และด้วยการตั้งเจตน์จำนงไว้เมื่อนางสิ้นชีวิตลงแล้วได้ไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์

ครั้นสิ้นชีวิตลง ก็เวียนว่ายอยู่ใน ภพภูมิเทวดาและมนุษย์อยู่ถึงแสนกัป

ในกัปที่ ๙๒ แต่ภัททกัปนี้ ได้มีนครหนึ่ง ชื่อว่า กาสี พระราชาทรงประนามว่า ชัยเสน ทรงครองราชสมบัติในพระนครนั้น พระองค์ได้มีพระราชเทวีทรงพระนามว่า สิริมา

พระโพธิสัตว์นามว่า ผุสสะ บังเกิดในพระครรภ์ของพระนางแล้วตรัสรู้ พระสัมมาสัมโพธิญาณโดยลำดับ พระเจ้าชัยเสนนั้นทรงเห็นว่าพระราชโอรสของพระองค์ออกมหาภิเนกษกรมเป็นพระพุทธเจ้า ดังนั้นท่านจึงถือเสมือนว่าพระพุทธเจ้าเป็นของส่วนหนึ่งของพระองค์ท่านแม้พระธรรม และ พระสงฆ์ก็เช่นกัน เมื่อเป็นดังนี้แล้วจึงทรงอุปัฏฐากพระรัตนตรัยด้วยพระองค์เองทุกๆ วันในทุกเมื่อ ไม่ทรงให้โอกาสแก่ชนเหล่าอื่นได้ทำบ้าง

พระราชานั้น ยังมีโอรสผู้เป็นพระอนุชาของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น แต่ต่างพระมารดากันอีก ๓ พระองค์ ทั้ง ๓ พระองค์นั้นต่างก็พากันคิดว่า ธรรมดาว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมอุบัติเพื่อประโยชน์แก่ชาวโลกทั้งมวล มิใช่เพื่อประโยชน์เฉพาะบุคคลผู้เดียว และพระบิดาของพวกเราก็ไม่ยอมให้โอกาสแก่ชนเหล่าอื่นเลย ทำอย่างไรหนอ พวกเราจะพึงได้อุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้าและภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่นั้น

พี่น้องทั้ง ๓ พระองค์จึงได้ออกอุบายสร้างสถานการณ์ชายแดนว่าเกิดการปั่นป่วน เพื่อให้พระราชาส่งพวกตนออกไปปราบ และจะได้มีความดีความชอบ ครั้นเมื่อทำตามอุบายนั้นแล้ว พระราชาทรงพอพระทัยได้ประทานพรว่าถ้าพระโอรสทั้งสามพระองค์ปรารถนาสิ่งใดก็จะพระราชทาน พระโอรสทั้งสามจึงขอที่จะอุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้า พระราชาทรงปฏิเสธ แต่พระโอรสทั้งสามทรงยืนยันความประสงค์ พระราชาจึงทรงยินยอม แต่ให้เวลาเพียง ๓ เดือน

พี่น้องทั้ง ๓ พระองค์นั้น จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์ปรารถนาจะอุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้าตลอด ๓ เดือน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า จงทรงรับการอุปัฏฐากจากพวกข้าพระพุทธเจ้าตลอด ๓ เดือนนี้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด

พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงรับด้วยดุษฎีภาพ พี่น้อง ๓ พระองค์นั้น จึงส่งพระลิขิตไปถึงนายส่วยผู้จัดเก็บผลประโยชน์ในชนบทของตนว่า พระองค์จะทำการอุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้าและหมู่สงฆ์ตลอด ๓ เดือนนี้ ขอท่านจงจัดแจงสัมภาระสำหรับใช้อุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้าและหมู่สงฆ์ทุกอย่างเริ่มตั้งแต่การปลูกสร้างวิหารไปจนถึงที่พักอาศัยของหมู่สงฆ์

ทรงแต่งตั้ง บุตรคฤหบดีคนหนึ่ง ผู้เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลพระราชทรัพย์ของเจ้าชายทั้ง ๓ พระองค์นั้น ให้ดูแลเรื่องการเงิน และมอบหมายให้ผู้ใกล้ชิดอีกคนหนึ่งเป็นผู้ดูแลเรื่องการถวายทาน

นายส่วยนั้นได้จัดการทุกอย่างตามพระประสงค์ของพระโอรสทั้งสามแล้ว จึงทูลตอบกลับไป เมื่อพี่น้องทั้ง ๓ พระองค์นั้นทราบว่าการจัดแจงต่าง ๆ ได้เรียบร้อยแล้วจึงพร้อมด้วยบริวารอีก ๑,๐๐๐ คน พากันกระทำอุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้าและภิกษุสงฆ์โดยเคารพ ทูลอาราธนาให้องค์พระบรมศาสดาพร้อมหมู่ภิกษุสาวกทั้งปวงไปยังวิหารที่พวกตนสร้างถวายให้อยู่จำพรรษา

ในครั้งนั้น บุตรคฤหบดี ผู้เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลพระราชทรัพย์ของพี่น้อง ๓ พระองค์นั้น พร้อมด้วยภริยา เป็นผู้มีศรัทธา มีความเลื่อมใส ก็ได้ถวายทานวัตรแก่ภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานโดยเคารพ นายส่วยผู้จัดเก็บผลประโยชน์ในหัวเมืองต่างๆ ได้พาเขาไปพร้อมกับชาวชนบทประมาณ ๑๑,๐๐๐ คน ได้ให้ทานเป็นไปโดยเคารพโดยพร้อมกัน บรรดาท่านเหล่านั้น ราชบุตรนายส่วยในชนบท และบุตรคฤหบดีผู้เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลพระราชทรัพย์ และเจ้าหน้าที่ผู้จัดแจงเรื่องถวายทาน เมื่อสิ้นชีวิตลงแล้วก็ไปบังเกิดในสวรรค์ตามลำดับ

ครั้งในสมัยพระพุทธเจ้าสมณโคดมนี้ พระโอรส ๓ พี่น้องก็มาเกิดเป็น ชฎิล ๓ พี่น้องคือ พระอุรุเวลกัสสปเถระ พระนทีกัสสปเถระ และ พระคยากัสสปเถระ นายส่วยผู้จัดเก็บผลประโยชน์ในหัวเมืองต่างๆ ก็มาเกิดเป็นพระเจ้าพิมพิสาร เจ้าหน้าที่ผู้จัดแจงเรื่องถวายทาน เกิดมาเป็น พระรัฐปาลเถระ บุตรคฤหบดี ผู้เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลพระราชทรัพย์ เกิดมาเป็น วิสาขเศรษฐี ผู้เป็นอดีตสามีของนางธรรมทินนา และ ภรรยาของบุตรคฤหบดี เกิดมาเป็น นางธัมมทินนาเถรี

จบเอาไว้แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ

เจริญธรรม

พุทธะอิสระ

——————————————–

ลิ้งค์จาก : https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/pfbid0Ud5bNdoC7QdarAbcuH48UbZn7cFpCudQ6hgiF8CpaCmT92qKiFScjbQasnjGGn3El