สามเณรโสปากะ (ตอนที่ 4)

0
17

สามเณรโสปากะ (ตอนที่ ๔)
๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๖

วันนี้เราท่านทั้งหลายมาดูกันว่า พระโสปากะเถระ ท่านทำบุญกุศลสิ่งใดมา จึงทำให้ท่านได้บรรลุธรรมตั้งแต่ยังเป็นเณรน้อย

ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ (เป็นพระนามของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆที่มีพระนามคล้ายเจ้าชายสิทธัตถะ) บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ รู้เดียงสาแล้ว ถึงความสำเร็จในวิชาและศิลปะทั้งหลายของพวกพราหมณ์ เห็นโทษในกามจึงละการครองเรือนบวชเป็นดาบสอยู่ ณ ภูเขาลูกหนึ่ง.

พระศาสดาทรงทราบว่าดาบสนั้นใกล้จะมรณะ จึงได้เสด็จเข้าไปยังสำนักของท่าน. ดาบสนั้นเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วมีจิตเลื่อมใส เมื่อจะประกาศความปีติและปราโมทย์อันยิ่งใหญ่ จึงได้ตกแต่งอาสนะดอกไม้ถวาย.

พระศาสดาประทับนั่งบนอาสนะนั้นแล้ว ได้ตรัสชี้ให้เห็นถึงสังขารทั้งหลายล้วนเป็นของไม่เที่ยงว่า

สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีความเกิดขึ้นและความเสื่อมไป เป็นธรรมดา เกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป ความที่สังขารเหล่านั้นสงบระงับย่อมเป็นสุข

ขยายความคำว่า สังขารทั้งหลาย หมายถึง สังขารที่ประกอบไปด้วยธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟ รวมทั้งสังขารที่หมายถึง ความคิดปรุงแต่งด้วยอำนาจขับเคลื่อนผลักดันของอวิชชา ตัณหา อุปาทาน

ทรังตรัสชี้ว่า สิ่งนี้ทั้งปวงล้วนตกอยู่ในความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีอยู่จริง ทุกสรรพสิ่งล้วนเกิดจากเหตุปัจจัยปรุงแต่งขึ้น

ตรัสดังนี้แล้ว จึงทรงเสด็จเหาะกลับไปยังพระวิหาร

ดาบสนั้นมีจิตพิจารณาตามที่ทรงตรัสสั่งสอน จึงละการยึดถือว่าเที่ยงที่ตนเคยถือในกาลก่อน แล้วเจริญอนิจจสัญญาได้ในวันเดียว ก็กระทำกาละ ณ ที่นั้นเอง แล้วได้เกิดในเทวโลก ท่องเที่ยวไปๆ มาๆ อยู่ในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

ครั้นมาในกาลพระศาสนาของพระกกุสันธพุทธเจ้า ท่านได้มาบังเกิดเป็นบุตรของกฎุมพีผู้หนึ่ง
อยู่มาวันหนึ่งกุลบุตรได้เห็นพระบรมศาสดา จึงน้อมนำผลไม้เข้าไปถวาย พระบรมศาสดาทรงรับไว้ กุลบุตรนั้นก็ยิ่งมีความเลื่อมใสในพระภิกษุสงฆ์ จึงได้ตั้งสลากภัตทานแก่ภิกษุสงฆ์ ก็ได้ถวายขีรภัต คือ จังหันอันเจือด้วยนมสด แก่พระภิกษุทั้งหลายวันละสามรูป ตราบสิ้นอายุของตน
กุลบุตรนั้น เมื่อท่องเที่ยวอยู่ในเทวโลก และมนุษยโลกสิ้นกาลช้านาน

ในกาลครั้งหนึ่งได้มาบังเกิดในกำเนิดของมนุษย์ ก็ได้ถวายภัตตาหารที่เจือด้วยน้ำนมสด แก่พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง

ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในโสปากกำเนิด ในเมืองราชคฤห์. ปรากฏโดยชื่ออันมีมาโดยกำเนิดว่า โสปากะ

เราท่านทั้งหลายจักเห็นว่า ความสำเร็จใดๆ ในภพชาตินี้หาได้เกิดมาเองลอยๆ บังเอิญไม่

ล้วนแล้วแต่มาจากเหตุปัจจัยในอดีตและปัจจุบัน ผสมผสานรวมกันทั้งนั้น เรียกว่า ปุพเพกตปุญญตา เป็นผู้มีบุญอันทำไว้แล้วด้วยดีมาในกาลก่อน จึงเป็นแรงผลักดันให้ขวนขวายจนประสบความสำเร็จในภพชาติปัจจุบัน

พุทธะอิสระ

——————————————–

ลิ้งค์จาก : https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/pfbid0wg3f12ZGh3ZTmT81vNfUhe7e8KBNmtR6R2gHnriYp6srReoKB7gU5MLCXP6BrLVQl