อบายมุข คือ เหตุเครื่องฉิบหาย
๖ มิถุนายน ๒๕๖๖
พระบรมศาสดาทรงตรัสสอนว่า
๑) ดื่มน้ำเมา มีโทษ 6 อย่าง วันนี้ขอยกเอาข้อ ดื่มน้ำเมา มาเล่าสู่กันฟังก่อน
1. ความเสื่อมทรัพย์อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง
2. ก่อการทะเลาะวิวาท
3. เป็นบ่อเกิดแห่งโรค
4. เป็นเหตุเสียชื่อเสียง
5. เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย
6. ทอนกำลังปัญญา
ทั้งยังทรงสอนให้มนุษย์ได้รู้จัก มีสติระลึกได้ สัมปชัญญะ รู้ตัวทั่วพร้อมเพื่อให้เกิดความละอายชั่ว เกรงกลัวต่อผลของบาป
ทุกวันนี้ขนาดไม่มีสุราเสรีตามกฎหมาย ก็ยังมีข่าวคนเมาอาละวาดทำร้ายคนในครอบครัว และนอกครอบครัว ทุบ ทำลาย เผาทรัพย์สินของตนและคนอื่น ขับรถชนคนตาย หรือ เกิดอุบัติเหตุเพราะเมาแล้วขับ จนเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นต้องบาดเจ็บ พิการ แม้แต่ตนเองก็บาดเจ็บ พิการต้องกลายมาเป็นภาระของครอบครัว ภาระของสังคมกันอยู่มีให้เห็นไม่เว้นแต่ละวัน
ซึ่งขนาดรัฐบาลต้องตั้งงบประมาณปีหนึ่ง ๓๓๙.๓๐ ล้านบาท ให้จัดกิจกรรมรณรงค์ให้ผู้คนได้รับรู้ว่า เมาแล้วไม่ขับจับปรับยึดรถ มีโทษแก่ตนและคนรอบข้าง
ทั้งยังต้องเดือดร้อนเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ อาสาจราจร อปพร. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ อบต. ต้องมาเข้าเวร ตั้งด่าน ตามสี่แยก จุดสกัดต่างๆ ทุกซอย ทุกมุม ในทุกเทศกาล เพื่อต้องการช่วยลดอุบัติเหตุ ถึงขนาดนั้นก็ยังมีสถิติในปี 65 – 66 ว่าเกิดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ เป็นเหตุให้บาดเจ็บรวม 2,437 คน ผู้เสียชีวิตรวม 317 ราย นี่แค่สถิติของช่วง 7 วัน อัตราย ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.65-4 ม.ค.66 เท่านั้น ยังไม่นับรวมตลอดทั้งปี 65 และ 66
ถามว่า พวกพรรคส้มเช้งได้เคยสำเหนียก รับรู้กับปัญหาพวกนี้กันบ้างหรือเปล่า หรือจะมุ่งเอาแต่กูรวยอย่างเดียว
ถามจริง เงินที่ได้มาจากการขายสุราเสรีกับเงินที่ต้องมาเยียวยา รับเลี้ยงคนเจ็บ คนพิการ และญาติของคนที่ตายและความสูญเสียทางสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมทางสังคม เงินที่ได้มามันคุ้มกันไหม
คิดซิคิด พวกส้มเช้ง ฝึกใช้สมองหน่อย อย่าเอาแต่ท่องจำตามๆ กันมา จนสมงสมอง ฝ่อกันไปหมดแล้ว
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องเวรกรรม ที่สนับสนุน มอมเมาประชาชนให้ประพฤติผิดบาปทั้งกาย ทางวาจา และทางจิตใจ ที่เมาแล้วขาดสติ พ่อข่มขืนลูก ลูกข่มขืนแม่ พี่ข่มขืนน้อง หรือไม่ก็ทะเลาะวิวาทกันเองในวงเหล้า จนเป็นเรื่องเป็นราวบาดเจ็บล้มตาย กลายเป็นภาระของเจ้าหน้าที่ หมอ และพยาบาล มีข่าวให้เห็นกันอยู่ทุกวี่ทุกวัน
คิดจะมาเป็นรัฐบาล แล้วมองไม่เห็นปัญหาของสังคม ที่จะเกิดจากนโยบายขายฝันและทำลายสังคมให้ย่อยยับ อ่อนแอแบบนี้ พวกมึงกำลังคิดอะไรอยู่ (ขออภัยมันปรี๊ดไปหน่อย)
หรือเพราะประเทศนี้มันเฮงซวยตามที่คุณพ่อส้มเช้งเขาด่าเอาไว้ เลยต้องออกสารพัดนโยบายเฮงซวย จากพวกนักการเมืองเฮงซวย มาทำลายสังคม ประเทศชาติให้มันย่อยยับ ฉิบหายลงไปกับมือพวกมึง
นี่แค่สุราเสรีอย่างเดียวนะ ยังไม่ได้หมายรวมไปถึงกระหรี่เสรี ซ่องเสรี บ่อนเสรี และการพนันออนไลน์ที่พวกนักการเมืองเฮงซวย มันรวมหัวกันขึ้นมาล้างผลาญสังคม ประเทศชาติ และอยากจะบอกพวกคุณมึงส้มเช้งทั้งหลายให้ได้สำเหนียกเอาไว้ว่า
ในศีล ๕ ข้อที่ว่า
ไม่โหดร้าย
ไม่ใจเร็ว
ไม่พูดปด
ไม่หมดสติ
ข้อสุดท้ายคือ การกินเหล้า หรือทำให้เป็นเหตุเสียสติ มีโทษทั้งตนเองและผู้อื่นมากที่สุด
รัฐบาลในทุกยุคสมัย เขาจึงต้องเข้ามาควบคุม และพยายามบอกกล่าวถึงโทษภัย ให้ประชาชนได้รับรู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น แม้แต่ในการโฆษณาก็ยังมีคำเตือน และจำกัดเวลา
แต่พวกส้มเช้งเฮงซวย กลับเขียนนโยบายทั้งออกมาช่วยกันโพทนาเปิดเสรีให้แก่สุรา โดยไม่กำหนดเวลา แถมยังมีออกมาพูดว่า เลิกได้แล้ว ข้อห้ามขายสุรา ในวันพระ วันโกน ทำไมต้องมาจำกัดสิทธิ์
หากจะใช้ตรรกะเดียวกันย้อนถามกลับไปว่า
เมื่อสังคมเสพติดสุรากันทุกเพศทุกวัย เด็กก็ซื้อเหล้ากันได้ แม้ในวัด ในโรงเรียน แบบนี้ หากเกิดปัญหาทางสังคมขึ้น ๑๔ ล้านเสียงจะรับผิดชอบยังไง
วันนี้ขออนุญาตปรี๊ด แค่นี้ก่อน
วันหน้าค่อยมาปรี๊ดกันต่อในนโยบายเฮงซวยฉิบหาย ขายฝันข้ออื่นๆ ของพวกพรรคส้มเช้ง
เอาจริงนะที่ต้องมานั่งเขียน นั่งบ่นอยู่เนี่ย ก็เพราะเป็นห่วงชาติ ห่วงประชาชนที่จะต้องมาจมปลักอยู่ในการกระทำ ความคิด ของพวกนักการเมืองเฮงซวยที่ปากว่า ตาขยิบ เป็นห่วงแค่พวกพ้อง และกระเป๋าตนเอง โดยไม่สนใจว่า ชาติ ประชาชนต้องได้รับผลกระทบอย่างไร
โถ…ไอ้เฮงซวย
พุทธะอิสระ
——————————————–