ไสยศาสตร์ คำสาป คาถาอาคม เครื่องรางของขลัง และคำทำนายทายทัก จะมีผลสัมฤทธิ์ได้ ต้องใช้อานุภาพของจิต (ตอนที่ ๒)

0
56
คราวที่แล้วได้เขียนบรรยายถึงที่มาของ ไสยเวท ไสยศาสตร์ มนต์ดำ คาถาอาคม ของขลัง คำทำนายทายทัก คำสาป ล้วนมาจากคัมภีร์อาถรรพเวท ของพราหมณ์-ฮินดู เป็นส่วนใหญ่
และมีวิชานอกคัมภีร์อาถรรพเวท ซึ่งก็หาหลักฐานไม่ได้ว่า เกิดมาจากแหล่งใด แต่ก็มีใช้กันมาเป็นพันปี ทั้งยังได้แพร่ขยายไปทั้งเอเชีย และยุโรป คือ ลัทธิบูชาภูติ
แต่ไม่ว่าวิชาที่มาจากคัมภีร์อาถรรพเวท หรือลัทธิบูชาภูติ ล้วนต้องอาศัยอานุภาพของจิต เป็นตัวคุมวิชาต่างๆ เพื่อให้สัมฤทธิ์ผลตามที่ปรารถนา
ขณะเดียวกัน นอกจากต้องมีอานุภาพของจิตแล้ว ยังต้องคอยควบคุมอารมณ์ที่เกิดขึ้นแก่จิต ไม่ให้พลุ่งพล่าน เกรี้ยวกราด พยาบาท หรือเซื่องซึม
เหตุเพราะวิชาที่ตนรู้ ดุจดังอสรพิษร้าย หากควบคุมไม่ดี มันจะฉกกัด ทำร้ายตนเองได้
เรื่องดังกล่าวนี้ นอกจากพ่อหมอชั้นครูเท่านั้น ถึงจะสามารถ
นอกนั้นส่วนใหญ่ จะถูกวิชาย้อนกลับเข้าตัวกันทั้งนั้น
กาลต่อมา เมื่อเกิดพระพุทธศาสนา องค์สมเด็จพระบรมศาสดาอรหันตฺสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเล็งเห็นว่า
ไสยศาสตร์ คำสาป คาถาอาคม เครื่องรางของขลัง คำทำนายทายทัก บูชาภูติ ล้วนแต่เป็นเส้นทางที่ไม่สามารถทำให้ทุกข์หมดไปได้ หนำซ้ำยังจะเพิ่มพูนความทุกข์ให้แก่ตน และคนอื่นเสียด้วยซ้ำ จึงทรงเรียกวิชาดังกล่าวเหล่านั้นว่า เป็นของผู้ขวางไป ดุจดังท่อนไม้ที่ตกอยู่ในน้ำ แล้วขวางคลองอยู่ ไม่สามารถจะไหลตามกระแสน้ำไปถึงมหาสมุทรใหญ่ได้
ทั้งยังทรงชี้ให้เห็นหนทางที่ถูก ที่ควรทำ คือ มัชฌิมาปฏิปทา อันมีข้อปฎิบัติ ๘ ประการ คือ
๑. สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ
๒. สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ
๓. สัมมากัมมันตะ การกระทำชอบ
๔. สัมมาวาจายะ การพูดชอบ
๕. สัมมาอาชีวะ การเลี้ยงชีพชอบ
๖. สัมมาวายามะ ความพยายามชอบ
๗. สัมมาสติ ความระลึกชอบ
๘. สัมมาสมาธิ ความตั้งใจมั่นชอบ
พุทธะอิสระ
๑๕ มีนาคม ๒๕๖๔
————————————————–
ไสยเวท ไสยศาสตร์ มนต์ดำ คาถาอาคม ของขลัง ทำนายทายทัก สาปแช่ง มีที่มาอย่างไร? (ตอนที่ ๑)
————————————————–
Where did occultism, black magic, incantation, amulets, fortune telling, and cursing come from? (Part 2)
March 15, 2021
Last time, I wrote to describe the origin of occultism, black magic, incantation, amulets, fortune telling, and cursing, of which majority came from the Atharvaveda of Bramanism and Hinduism.
And there is knowledge outside the Atharvaveda called spiritualism that no evidence was found where it originated from. However, it has been widely used for over a thousand years and has widely spread into Asia and Europe.
Whether the knowledge came from the Atharvaveda or spiritualism, it requires willpower to control and achieve desired results.
Apart from having willpower, the user must control his emotions not to be raging, furious, vindictive, or lethargic.
Because his knowledge is like a venomous snake, which, if not controlled well, will bite the owner.
Only master sorcerer can do so.
Other than that, black magic will return to user.
Later, when there was Buddhism, the Lord Buddha saw that occultism, black magic, incantation, amulets, fortune telling, and spiritualism could not get rid of human suffering. They even increased suffering of users and other people. So, the Lord Buddha called these sciences as the science of the blocker. Like a log fallen into the water, it blocks the canal and cannot go with the flow to the big ocean.
Moreover, the Lord Buddha taught the right path called the Noble Eightfold Path:
1. right belief/understanding
2. right resolve
3. right conduct
4. right speech
5. right occupation
6. right effort
7. right mindfulness
8. right concentration
Buddha Isara
————————————————–
Where did occultism, black magic, incantation, amulets, fortune telling, and cursing come from? (Part 1)