คำถามร้อนๆ มาแล้วจ้า

0
122

มีผู้ถามเข้ามาว่า ทำไมพวกธรรมกายเขาจึงเกลียดขี้หน้าพุทธะอิสระกันนัก

ตอบ ไม่น่าสงสัยอะไรปัญญาอ่อนขนาดนี้ คุณไปอยู่ที่ไหนมาถึงได้ไม่รู้เรื่องราวเลย เอาเป็นว่าเหตุที่พวกลัทธิธรรมกายเกลียดขี้หน้าพุทธะอิสระก็เพราะเขาโทษว่า ที่พวกเขาเดินเหยียบดอกไม้ข้างถนนแล้วอ้างว่าธุดงค์ก็ไม่ได้ ก็เพราะพุทธะอิสระ

เขาโทษว่าเพราะพุทธะอิสระนี้แหละ ที่ทำให้พวกเขาออกมาเดินบิณฑบาตเรี่ยไร ขายสวรรค์ทั่วประเทศไม่ได้

เขาโทษว่าเพราะพุทธะอิสระนี้แหละ ที่นำเอาเรื่องพระลิขิตของตัวสมเด็จฆราชองค์เก่าที่ทรงโจทธัมมโยเจ้าลัทธิธรรมกายว่าต้องอาบัติปาราชิก ออกมาเปิดเผยถึงขนาดนำพระลิขิตไปขยายผลส่งให้ผู้ตรวจการพิสูจน์ว่าจริงหรือปลอม จนสุดท้ายนำมาซึ่งการแจ้งความร้องทุกข์แก่ ดีเอสไอ กลายเป็นคดีในที่สุด

เขาโทษพุทธะอิสระว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการยุยงให้ สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่นแจ้งความร้องทุกข์ กล่าวโทษเอาผิดต่อเจ้าลัทธิธรรมกายและพวก จนนำมาซึ่งไวยาวัจกรและผู้ดูแลการเงินของลัทธิธรรมกายถูกจับฟ้องศาล ศาลพิจารณาตามพยานหลักฐานแล้วมีคำสั่งลงโทษตัดสินติดคุก ๓๔ ปี

เขาโทษพุทธะอิสระว่า อิจฉาหาเรื่องใส่ร้ายเจ้าลัทธิว่าอวดอุตริมนุษยธรรมจนนำมาซึ่งการแจ้งความร้องทุกข์แก้ ดีเอสไอ ส่งอัยการสั่งฟ้องเป็นคดีศาลออกหมายจับ เพื่อนำตัวมาขึ้นศาลอยู่ทุกวันนี้

เขาโทษว่าพุทธะอิสระ หาเรื่องใส่ร้ายเจ้าลัทธิว่าบุกรุกป่าจนทำให้ต้องคดีหลายสิบคดี

เขาโทษว่าเพราะพุทธะอิสระ รัฐบาล คสช. จึงส่งกำลังทั้งทหาร ตำรวจปิดล้อมสำนักธรรมกายจนนำมาซึ่งการจัดระเบียบสำนัก ควบคุมความประพฤติและบรรดาสาวกแกนนำทั้งหลาย ต้องถูกดำเนินคดีกันทั่วหน้าไม่เว้นแม้แต่รองเจ้าลัทธิเผด็จ (ทตฺตชีโว) ก็ถูกดำเนินคดี

แม้ในขณะที่มีการปิดล้อมสำนักธรรมกาย เขาก็ยังกล่าวหาว่าพุทธะอิสระ นั่งเฮลิคอปเตอร์ตำรวจขึ้นไปบัญชาการ วางกำลังปิดล้อมพวกเขา และทั้งที่เจ้าลัทธิธรรมกายขาเน่าเดินไม่ได้ก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุนเพราะพุทธะอิสระแท้ๆ

ด้วยเหตุผลเหล่านี้คงจะมากพอแล้วที่บรรดาสาวกลัทธิธรรมกายควรรังเกียจอาฆาตพยาบาทต่อพุทธะอิสระ

ผู้ถามได้ตั้งคำถามต่อว่า แล้วทำไมกรรมการมหาเถรสมาคมบางรูปและบริวารกรรมการมหาเถรซึ่งก็มีทั้งพระทั้งฆราวาส ถึงได้รังเกียจ ไม่พอใจพุทธะอิสระ

ตอบแม้เรื่องนี้คงเป็นเหตุมาจากการที่พุทธะอิสระไปทุบหม้อข้าวพวกเขามั่ง

ผู้ถาม ถามว่าอะไรเรียกว่าทุบหม้อข้าว

ตอบ อ้าวคุณไม่รู้หรือคนทั้งแผ่นดินเขารู้กันทั้งนั้นว่า ลัทธิธรรมกายมีเงินทองทรัพย์สมบัติมากมาย จัดงานแต่ละครั้งก็นิมนต์กรรมการมหาเถรและบริวารมหาเถรมาร่วมงานกันเป็นพันๆ องค์ แถมยังตามมาด้วยฆราวาสโดนเฉพาะพวกเจ้าหน้าที่สำนักพุทธ

แล้วคุณรู้ไหม คนพวกนี้ได้อะไรจากลัทธิธรรมกายบ้าง

แต่ละครั้งที่ลัทธินี้มีงาน จักถวายเงินให้แต่แก่พระที่ไปร่วมงาน องค์ละไม่ต่ำกว่าหลักพันขึ้น หากเป็นพระหนุ่มเณรน้อย ก็พันบาทจนถึง ๒,๕๐๐ แถมยังมีเครื่องไทยธรรมติดไม้ติดมือมาด้วยทุกองค์ ไม่เว้นแม้แต่คนขับรถหรือลูกศิษย์ติดตาม

และหากเป็นเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด จักถวายเงินตั้งแต่สามพัน ห้าพัน หมื่นนึง หมื่นห้า จนถึงห้าหมื่น หากเป็นพระระดับเจ้าคุณ รองสมเด็จ หรือพระสมเด็จ ยิ่งมีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะปกครอง เป็นกรรมการมหาเถรด้วยแล้ว ลัทธินี้เขากล้าทุ่มจักซื้อจัดจ้างขั้นต่ำตั้งแต่ ๓ หมื่น จนถึงหลักแสนหลักล้าน

แม้แต่เจ้าหน้าที่หรือฆราวาสติดตาม ก็พร้อมส้มหล่นได้ค่าน้ำร้อนน้ำชา น้ำมันรถ ค่าขนมคนละไม่ต่ำกว่า ๒,๐๐๐ ขึ้นทั้งนั้น

เมื่อพุทธะอิสระนำเอาความวิปริตผิดหลักธรรมของลัทธินี้มาเปิดเผยพร้อมแจ้งความร้องทุกข์ จนนำมาซึ่งหมายค้นหมายจับ ทำให้เจ้าลัทธิผีบุญนี้ต้องระเห็จออกจากสำนัก

พวกกรรมการมหาเถรและบริวารที่เคยได้กินได้อาศัย จากลัทธินี้ที่เขาหยิบยื่นให้ก็ต้องพลาดอดยากปากแห้ง นี้คือเหตุผลที่พวกกรรมการมหาเถรและบริวารรังเกียจต่อพุทธะอิสระ

นอกจากเหตุนี้แล้ว ยังมีเรื่องที่พุทธะอิสระเปิดโปงการทุจริตเงินทอนวัด และทุจริตเงินสารพัดโครงการของสำนักพุทธและมหาเถร จนนำมาซึ่งการตรวจสอบของรัฐบาล คสช. อย่างจริงจัง มีหลักฐานเอาผิดได้ จึงมีการฟ้องร้องกล่าวโทษกันอยู่ในปัจจุบัน

นี่ก็ถือว่าพุทธะอิสระไปทุบหม้อข้าวพวกเขา ที่หากินหาอยู่มานานนับตั้งแต่มีสำนักพุทธเกิดขึ้นในประเทศไทย ผ่านมาหลายรัฐบาล คนพวกนี้ซึ่งมีทั้งพระทั้งฆราวาสก็สุมหัวกันโกงเงินกินกันเป็นล่ำเป็นซำ จนร่ำรวยอูฟู่ ตามหลักฐานที่ตรวจพบ

เหตุนี้แหละที่ทำให้กรรมการมหาเถรและบริวารซึ่งมีทั้งพระและฆราวาสรังเกียจพุทธะอิสระ

ผู้ถาม ที่พวกเขารังเกียจมิใช่กรณีที่ท่านนำเอาของเน่าเสียไปถวายเป็นสังฆทาน แก่สมเด็จช่วงที่เวลานั้นท่านเป็นถึงประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สังฆราชหรือ

ตอบ ใครตั้งให้ล่ะ ก็ตั้งกันเองทั้งนั้น เพราะการจักได้เป็นพระสังฆราชเป็นพระราชอำนาจของพระเจ้าแผ่นดิน นี่อุปโลกน์กันขึ้นมายังไม่มีการโปรดเกล้า

แต่มูลเหตุของการไปถวายสังฆทานชุดใหญ่ใส่เข่ง ให้สมเด็จช่วงนั้น ก็เพราะฉันไม่เคยเห็นว่าเขาเป็นพระมาตั้งนานแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ถ้าจะเล่าเดียวยาว

เรามาพูดถึงเหตุที่พุทธะอิสระต้องไปถวายสังฆทานชุดใหญ่กันดีกว่า

มูลเหตุมันมาจากการที่มหาเถรสมาคม ซึ่งเป็นองค์กรปกครองสงฆ์สูงสุด ซึ่งมีทั้งอำนาจตุลาการ อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจบริหาร แล้วใช้ทั้ง ๓ อำนาจนั้นปกครองคณะสงฆ์ไทย ญวน จีนทั้งประเทศ

เมื่อมีเหตุร้ายในคณะสงฆ์มีการกล่าวหาโจทกันด้วยอาบัติขั้นปาราชิกสมเด็จช่วงในฐานะประธานมหาเถร ขณะนั้นจักต้องใส่ใจตรวจสอบสั่งการให้มีการสอบสวน หาความจริงให้ปรากฏ เพื่อความบริสุทธิ์ บริบูรณ์ของพระธรรมวินัยและสังฆมณฑลที่ตนรับผิดชอบปกครองอยู่

แต่พฤติกรรมของสมเด็จช่วง นอกจากไม่เอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัย แล้วยังมีพฤติกรรมปกป้องคนผิด ทั้งที่ยังไม่มีการสอบ ก็ประกาศต่อหน้าธารกำนัลในที่สาธารณะว่า

วัดปากน้ำกับวัดธรรมกาย เป็นดังวัดพี่วัดน้อง เรามีอะไรก็ต้องช่วยเหลือปกป้องกันและกัน

ฉันถามคุณหน่อยว่า หากคุณเป็นผู้พิพากษามีอำนาจตัดสินลงโทษผู้กระทำผิดและเป็นอำนาจสูงสุด ถ้าจะเทียบก็อยู่ในชั้นศาลฎีกา

แต่กลับแสดงพฤติกรรมปกป้องผู้ถูกกล่าวหา ทั้งที่ยังไม่มีการสอบคดีอย่างนี้คุณจะเป็นผู้พิพากษาที่ดีได้ไหม แล้วใครจะเชื่อว่าคุณจะใช้อำนาจที่มีอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม

นี่ยังไม่นับรวมไปถึง ไปรับเงิน รับทองคำ ถือได้ว่ามีพฤติกรรมรับสินบนจากผู้ถูกกล่าวหานับรวมกันแล้วเป็นร้อยๆ ล้านอีก

พฤติกรรมอย่างนี้แหละ พุทธะอิสระจึงต้องนำกางเกงในที่มีขี้ติดไปให้เพื่อเตือนใจว่า อย่าเอาแต่นั่งทับขี้อยู่ ควรจักต้องกำจัดชะล้างขี้ออกเสียบ้าง ไม่เช่นนั้นมันจะเหม็นเน่ามาถึงผู้นั่งทับ

อีกซักกรณีที่เป็นเหตุให้มหาเถรและบริวารรังเกียจพุทธะอิสระนั้นก็คือ กรณีเปิดโปงรถหรูหนีภาษีของสมเด็จช่วง

ที่จริงก่อนจะมีเรื่องรถหรู ฉันได้มีการส่งสัญญาณฝากเพื่อนที่เป็นเจ้าคุณไปยังสมเด็จช่วงแล้วว่า ให้รีบจัดการกับปัญหาธรรมกายให้ถูกตรงสอดคล้องด้วยพระธรรมวินัยเสีย

หาไม่แล้วพุทธะอิสระก็จำเป็นจักต้องเปิดโปงเรื่องกรณีสมเด็จช่วงครอบครองรถหรูหนีภาษีแก่สาธารณชน

คุณรู้ไหมว่าเขาฝากเพื่อนพระมาบอกฉันว่าอย่างไร

สมเด็จช่วงท่านฝากมาบอกว่า “มีปัญญาทำอะไรเขาได้ หากมีปัญญาทำได้ก็ทำไป”

พุทธะอิสระจึงฝากตอบไปว่า เช่นนั้นเดี๋ยวพุทธะอิสระจัดให้

จึงเป็นที่มาของการไปให้ปากคำแก่ ดีเอสไอ จนนำมาซึ่งคดีความอย่างที่คุณทราบ

ผู้ถาม แต่คดีนี้สมเด็จช่วงไม่ผิดนี่ครับ

โถ ใครเขายากจะจับคนแก่ใกล้ตายขังคุกกันบ้างล่ะ

ฉันนี่แหละที่ไปขอร้องต่อ ดีเอสไอ ว่าให้กันสมเด็จช่วงเอาไว้เป็นพยาน ด้วยเพราะอายุมากแล้ว

ที่ลูกศิษย์สมเด็จช่วงมาโพทะนาว่า สมเด็จไม่ผิด สมเด็จไม่ผิด ก็ปล่อยให้เขาว่ากันไป

ถามง่ายๆ แต่เวลาตอบคงต้องให้คำอธิบายกันมากหน่อยก็คือ
เงินที่ไปซื้อรถหนีภาษีมาครอบครองน่ะ สมเด็จช่วงเป็นผู้จ่ายใช่ไหม นี่ว่ากันตามหลักฐานนะ

ทีนี้จะมีคำอธิบายกันอย่างไร ถ้าจะให้ดูดีหน่อยก็คงจะพูดว่า กูไม่เกี่ยวข้องอะไรประมาณนี้ก็ว่ากันไป เพราะอัยการก็สั่งไม่ฟ้องสมเด็จช่วงแล้วนี่

แต่อย่านำมาขยายผลโพทะนาว่า พุทธะอิสระกลั่นแกล้งใส่ร้ายเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นคงได้ไปพิสูจน์กันในศาลแน่

เหตุดังกล่าวมานี้แหละคุณ ที่พวกกรรมการมหาเถรสมาคมและบริวาร เขาถึงไม่ชอบขี้หน้าฉัน รังเกียจฉันจนเข้ากระดูกดำก็ว่าได้

ก็ไม่เป็นไร ต่อให้คนทั้งแผ่นดินไม่ไหว้ฉัน พระทั้งสังฆมณฑลไม่ชอบฉัน ขอเพียงฉันปกป้องรักษาความบริสุทธิ์ บริบูรณ์ของพระธรรมวินัยเอาไว้ได้ ไม่ปล่อยให้พวกอลัชชี สมี เหลือบทั้งหลายมากัดกินทำลายพระธรรมวินัย ฉันก็ภูมิใจแล้ว

ชั่วชีวิตนี้พุทธะอิสระไม่คิดว่า จะมีชีวิตอยู่ให้ใครมากราบไหว้

ขอแค่กราบตนเองได้ บูชาตนเองสนิทใจ ก็ภาคภูมิใจที่ได้หายใจแล้วล่ะ

พอนะฉันเหนื่อยแล้ว

จบแล้วจ้า

พุทธะอิสระ

ขอบคุณภาพข่าวจาก Spring News, Nation TV22, คม-ชัด-ลึก, Thai PBS, ไทยรัฐ TV