หลังจาก ผอ.สำนักพุทธ ชี้มูลความผิดแก่กรรมการมหาเถรสมาคมทั้ง ๓ คน กรณีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาพระภิกษุสงฆ์แล้ว
๑. พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา
๒. พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม
๓. พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
มีคนถามว่า ยังมีกรรมการมหาเถรสมาคม ที่เข้าไปพัวพันการทุจริตประพฤติมิชอบต่อหน้าที่อยู่อีกหรือไม่ ตอบว่ามี และมีอีกหลายคนด้วย
มีคนถามฉันต่อว่า วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๑ นี้เขาทั้งสามคนจักเข้าประชุมมหาเถรด้วยหรือไม่
พุทธะอิสระจึงคิดถึง พรบ.คณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ มาตราที่ ๑๕ ระบุไว้ว่า กรรมการมหาเถรสมาคมจักพ้นจากตำแหน่งได้ต่อเมื่อ
๑. มรณภาพ
๒. ลาสิกขา
๓. ลาออก
๔. พระสังฆราชทรงมีบัญชาให้ออก
หากกรรมการมหาเถรผู้ถูกกล่าวหาทั้ง ๓ คน ยังกล้าที่จะเข้างานประชุมมหาเถรสมาคมในครั้งนี้ด้วย
แสดงว่า เขาทั้งสามคนอย่างหนา หน้าด้าน ใจด้าน ไร้ยางอาย ขาดจิตสำนึกรับผิดชอบ
และถ้าถึงขนาดต้องใช้พระอำนาจของสมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระบัญชาให้ออกอีก
คงไม่ต้องบรรยายความหนา ของคนพวกนี้แล้วล่ะ
ไหนๆ ความเน่าในของกรรมการมหาเถรบางกลุ่ม มันคงปกปิดกันไม่มิดแล้ว
ถ้าว่ากันตามข้อมูล การละเมิดพระธรรมวินัย ละเมิดกฎหมายในประเด็นการทำหน้าที่โดยมิชอบ ประพฤติทุจริต หากจะไล่จับกันจริงๆ ไม่รู้ว่ากรรมการมหาเถรจะมีเหลืออยู่ซักกี่รูป
ไหนๆ ก็เหลือน้อยคน คุณภาพน้อย คุณธรรมน้อย คุณประโยชน์น้อยขนาดนี้กันแล้ว
มันถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่จักแยกอำนาจของกรรมการมหาเถรสมาคมออกมา
เมื่อมีอำนาจแล้วใช้ไม่เป็น หรือไม่ใช้แล้วจะมีอำนาจเอาไว้ทำไม
ทำไมชาวเราทั้งหลาย ที่เป็นพุทธบริษัทไม่เรียกร้องให้รัฐบาล คสช. สนช. และคณะกรรมการปฏิรูป หาทางปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง การบริหาร การศึกษา การเผยแผ่ รวมทั้งกระจายอำนาจตุลาการ นิติบัญญัติ ออกจากกรรมการมหาเถรสมาคมไปเสียเลย
ไหนๆ มีมหาเถรสมาคมก็เหมือนไม่มีอยู่แล้ว
เพราะไม่ทำให้พุทธบริษัทมั่นคงในศรัทธา ไม่ซื่อตรงต่อพระธรรมวินัย อีกทั้งยังทำตัวอยู่เหนือปัญหา วางเฉยต่อหน้าที่รับผิดชอบ มีพฤติกรรมปกป้องคนผิด
ไม่เอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัย
ไม่สนใจความเป็นไปของสังคม
ไม่ช่วยธำรงรักษากฎหมายบ้านเมือง
และมีพฤติกรรมไม่เอื้อเฟื้อต่อความมั่นคง กรณีเพิกเฉย ไม่ออกคำสั่งการปกครอง เพื่อระงับเหตุการณ์ชุมนุมต่อต้านการเข้าจับกุมเจ้าลัทธิธรรมกาย ที่ละเมิดกฎหมาย ละเมิดพระธรรมวินัย ด้วยพฤติกรรมดังกล่าวมานี้ ก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะปฏิรูปมหาเถระ และกระจายอำนาจมหาเถร ไปสู่คณะสงฆ์ผู้มีความรู้ ความสามารถ มีคุณธรรมเป็นที่ยอมรับ ของพุทธศาสนิกชนและหมู่สงฆ์ด้วยกัน
เรื่องนี้หากจะให้รัฐบาลหรือผู้เกี่ยวข้องทำแต่เพียงลำพังคงจะต้องถูกแรงต้าน แรงเสียดทาน จากกลุ่มอำนาจเก่าของพวกมหาเถรมากทีเดียว
ฉะนั้นเรื่องนี้ต้องพึ่งพุทธบริษัททั้งประเทศช่วยกันเรียกร้องดังๆ ให้มีการปฏิรูปอำนาจมหาเถรและ พรบ.คณะสงฆ์เสียใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับบริบททางสังคมที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย โดยต้องให้สอดคล้องกับหลักธรรมวินัยด้วย
งานนี้พุทธะอิสระ ผอ.สำนักพุทธ ทำคนเดียวไม่ได้ แม้รัฐบาลทำฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ สนช. สภาปฏิรูปก็ทำไม่ได้
ต้องอาศัยแรงผลักดันเรียกร้องจากพุทธบริษัทไทย ทั่วโลกให้ช่วยกันพูด ช่วยกันบอก ช่วยกันตะโกน กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในคณะสงฆ์จึงจะเป็นผล
หวังว่าข้อเรียกร้องและสิ่งที่พุทธะอิสระขอร้องจะไม่เหลือบ่ากว่าแรงเกินไปนะจ๊ะ
หากท่านทั้งหลาย รักและเทิดทูน บูชา พระบรมศาสดา พระธรรมวินัย ก็ต้องช่วยๆ กัน
แล้วความสำเร็จความเจริญ อย่างมั่นคงก็จังพึงบังเกิดมีแก่ศาสนจักรนี้
พุทธะอิสระ