นับวัน ฉันยิ่งรู้สึกสมเพชกับวิธีคิดของคนๆ นี้จริงๆ

0
825

Banjob Bannaruji – บ้านบรรณรุจิ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 2 ภาพ

“เมืองไทยยุคนี้ เกินบรรยาย
สถาบันพระพุทธศาสนาในไทยตกต่ำสุด
วัดถูกค้น พระถูกตีถูกเตะ
คนทำกลับได้รับคำยืนยันจากนักสิทธิมนุษยน
ต่างศาสนาว่าทำถูก….น่าสังเวชใจ !”
+×÷=
@ คณะสงฆ์บ้านเราแยกเป็นธรรมยุตกับมหานิกายอยู่แล้ว ตอนนี้แยกอีกเป็น ๒ คือ ฝ่ายที่รัฐบาลหนุน กับ ฝ่ายที่รัฐบาลไม่หนุน
@ ฝ่ายที่รัฐบาลหนุน แม้มีน้อย แต่มีอภิสิทธิ์มากนึกจะทำอะไรได้หมด ด่าว่าใครก็ได้ นึกจะปิดถนนหนทางที่ไหนก็ได้ ใครผ่านไปมา การ์ดของพระบางรูปที่มาแสดงบทบาทของอันธพาลจะกระทืบใครก็ได้ ขนาดมีหมายเรียกก็ไม่มีใครกล้าจับ นึกจะเดินทางไปด่าพระผู้ใหญ่วัดไหนก็จะมีทหารคุ้มกันไป ช่างคับฟ้าจริงๆ
@ ฝ่ายที่รัฐบาลไม่หนุน แม้มีมาก แต่ไม่มีอภิสิทธิ์อะไร หรือมีแต่ไม่รู้จักใช้ ไม่รู้จักแม้จะปกป้องพวกกันเอง จึงไม่เห็นภาพการช่วยเหลือกัน มีแต่ปล่อยให้ต่อสู้ตามลำพัง ตัวใครตัวมัน ถ้าชนะก็ดีไป แต่ถ้าแพ้…ก็ถูกเยาะเย้ย มีแต่สมนำหน้า
@ ณ วันนี้จึงได้เห็นภาพอดสูใจที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นคือพระกลับจากบิณฑบาตถูกกันไม่ให้เข้าวัดตนเอง ..พอพระขัดขืนก็ถูกต่อยปากจนเลือดอาบ…ไม่มีเหตุการณ์ใดที่น่าสลดใจไปมากกว่านี้สำหรับเมืองพุทธ และไม่มีเรื่องจะน่าสลดใจใดเท่ากับให้นักสิทธิมนุษยชนต่างศาสนาเข้ามารับรองความบริสุทธิ์ของทหารตำรวจที่เข้าไปในศาสนสถานของพุทธ
@ มองดูความลำบากของวัดนั้นแล้วมองมาที่องค์การปกครองของคณะสงฆ์ยิ่งน่าเศร้าใจ …ไม่มีองค์กรเข้าไปช่วยได้เลย…คือ ไม่กล้าเข้าไป
@ มองดูองค์การปกครองคณะสงฆ์ยามนี้ก็ว้าเหว่ใจ ยึด “มิจฉาอุเบกขา” หรือ “ความวางเฉยแบบผิดทาง” เป็นที่ตั้ง ใครหรือวัดไหนถูกทำร้ายก็ช่างประไร วัดฉันยังอยู่ได้ เช้าสายบ่ายเย็นยังมีคนมา แสดงว่าศรัทธายังไม่ลด โครงสร้างการปกครองที่ปล่อยให้แต่ละวัดเผชิญกรรมตามลำพังเมื่อไรจะปรับให้คุ้มครองภัยกันได้
@ เราจะต้องอยู่กับการปกครองคณะสงฆ์ที่ “ทำลายตัวเอง” อย่างนี้ไปอีกนานสักเท่าไร
@ ผมพบพระมาจากบ้านนอก ท่านบอกว่า
“อย่าไปโกรธใครในศาสนาของเรา เพราะเขาไม่รู้ อย่าไปโกรธพระผู้ใหญ่ให้ท่านร่าเริงกับลาภยศไปเถอะ ท่านเหมือนเราคือมาจากครอบครัวยากจนขาดแคลนลาภยศ ฉะนั้นเมื่อถึงคราวจะได้ก็ให้ท่านได้และหลงใหลไปเถอะ ”
“ท่านไม่จำเป็นต้องห่วงพระพุทธศาสนา เพราะพระพุทธศาสนาอยู่มาได้ทุกวันนี้ก็เพราะท่านเสียสละรักษามา แล้วจะมาเอาบุญคุณอะไร บวชอยู่ให้ก็บุญแล้ว”
“พระพุทธเจ้าสอนอะไรให้เสียสละ ก็สอนได้ซี่เพราะก่อนบวชพระองค์เสพสุขมาพอแล้ว ส่วนพวกท่านเล่าถูกจับบวชตั้งแต่เล็กๆ ไม่เคยเสพสุขอะไร ก็ให้ท่านเสพสุขบ้างเถอะ”
@ ผมฟังแล้วงง คราวนี้พระบ้านนอกมาแปลก ผมตั้งรับไม่ทัน ได้แต่นั่งหายใจลึกๆ จะมองไปทางไหนก็เหงาใจสิ้นดี
@ นึกไม่ถึงคำพูดที่ใครไม่รู้กล่าวไว้ว่า
“….จงยุแหย่ให้มัน(ชาวพุทธ) ทะเลาะกัน แตกแยกกัน ให้มันฆ่ากันเอง…”
จะมาเป็นจริงในรัฐบาลทหารยุคทหารน้ำดีอย่างพลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา
น่าสังเวชใจ !

มีคนนำบทความของผู้ที่ใช้นามว่าบรรจบ บรรณรุจิ ที่โพสต์ลงเฟซบุ๊กล่าสุดมาส่งให้ฉันอ่าน แล้วพูดว่าเขาเขียนถึงตัวฉัน

ที่จริงก็ไม่ได้อยากอ่านนักเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าคนๆ นี้แกจะฝักใฝ่ธรรมกายและพวกเสื้อแดงอยู่ไม่น้อย แต่ผู้ส่งสารบอกว่าแกเขียนกระทบกระเทียบเปรียบเปรยถึงฉันและการปกครองคณะสงฆ์ จึงจำต้องอ่าน เพราะอยากรู้ว่าแกจะเขียนถึงเราและการปกครองคณะสงฆ์ว่าอย่างไร

ท่านทั้งหลายลองอ่านดูข้อเขียนของแก ก็จะรู้ซึ้งถึงวิธีคิดของคนที่จบมหาเปรียญจนได้เป็นด็อกเตอร์มาด้วยก้อนข้าวหยดน้ำของชาวบ้าน ถึงได้มีหลักคิดที่เป็นมิจฉาทิฏฐิเช่นนี้

บวชเรียนมาจนได้เป็นถึงครูบาอาจารย์ แต่กลับไปยึดติดอยู่กับคนและลาภยศ และกลับไม่เคยสนใจว่าเจ้าลัทธิทำจนตัวตายว่ามันจะย่ำยีพระธรรมวินัยอย่างไร มันจะบิดเบือนพระธรรมคำสอนอย่างไร

คนที่เคยบวชเรียนจนได้เป็นนาคหลวงกลับมองไม่เห็นภัยที่ลัทธิทำจนตัวตายกระทำไว้แก่พระพุทธศาสนา หรือเขาจะมองเห็นแค่วัตถุที่อลังการงานสร้าง การตลาดที่ลัทธินี้สามารถขายบุญจนสร้างความมั่งคั่ง การกระทำที่เน้นแต่รูปแบบหรูเลิศอลังการเท่านั้น ท่านมหาคนนี้คงจะหลงลืมพระธรรมวินัยที่สอนให้ภิกษุมีชีวิตอยู่อย่างง่ายๆ สันโดษ ประหยัดสูง ประโยชน์สุด ไปเสียแล้ว ทั้งที่เขาได้ดีมีสุขอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะพระธรรมวินัยนี้เกือบทั้งนั้น

ฉันอ่านข้อเขียนของเขาแล้วทำให้รับรู้ได้ว่าเป็นสำนวนที่ตัดพ้อต่อว่า น้อยเนื้อต่ำใจและผิดหวัง คงจะเหมือนกับพวกลิ่วล้อลัทธิธรรมกายที่รู้สึกผิดหวังต่อลูกพี่ตนที่ไม่ได้เป็นสังฆราช

วันนี้ผู้ที่ใช้นามว่า บรรจบ บรรณรุจิ จึงกล้าออกมาตัดพ้อต่อว่าขบวนการปกครองคณะสงฆ์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้คนๆ นี้ไม่เคยแม้สักคราที่จะตำหนิติว่าการปกครองของคณะสงฆ์เลย ไม่ว่าจะเกิดอธิกรณ์เล็กใหญ่กับภิกษุบางรูปและเจ้าลัทธิธรรมกาย แต่คนอย่างผู้ใช้นามว่า บรรจบ บรรณรุจิ ก็หาได้เคยออกมาโพสต์คำวิจารณ์ต่อขบวนการปกครองของคณะสงฆ์ใดๆ ไม่

ที่พุทธะอิสระต้องเขียนเรื่องนี้ก็เพราะเห็นว่ามันแปลก หรือมหาบรรจบกำลังคิดอะไรอยู่ อยากแนะนำว่า เมื่อกล้าคิด ก็ขอให้กล้าที่จะพูดออกมาตรงๆ อย่าทำเป็นพวกหลบๆ แอบๆ แถกแถไถไปไถมา ไม่กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์ตรงๆ แล้วอย่างนี้จะเป็นต้นแบบที่สง่างามให้กับสานุศิษย์ของท่านมหาได้กระนั้นหรือ

พุทธะอิสระ