วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม 2566
หลวงปู่พุทธะอิสระ สวดพระมาลัย อุทิศแด่ คุณย่าอัมพร ทองประเสริฐ (มารดาหลวงปู่พุทธะอิสระ)
ณ ศาลาฝั่งตะวันตก วัดอ้อน้อย(ธรรมอิสระ) ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
บทสวดพระมาลัย ประกอบการเจริญมนต์
ลิ้งค์จาก : https://www.facebook.com/issaradham/posts/pfbid02268dVNeC1MYLVL1eqE2CvKcGqvzPjLkgCMV44hfz8CKzgpDnN4aHAWCRTEN5j82ql
ติดตามรับชมย้อนหลัง ได้ทาง facebook : หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)
https://www.facebook.com/buddha.isara/videos/155745190731464/
ติดตามรับชมย้อนหลัง ได้ทาง Youtube : @WATONOI
https://youtu.be/RkwCbWYCb7E
พระมาลัย
เมื่อนั้นก็พระมาลัย (ซ้ำ) เสด็จลงไปโปรดสัตว์นครา
ลงนรกไปเห็นสัตว์ทุกข์ (ซ้ำ) ดูไม่สนุกเป็นทุกข์นักหนา
น้ำเย็นอันหวานสดใส (ซ้ำ) กลับแสบร้อนไปทั่วทั้งกายา
ท่านจึงเสด็จไปใกล้ (ซ้ำ) เห็นสัตว์นั้นไซร้ร้องสั่งบอกมา
ว่าช่วยได้โปรดข้าด้วย (ซ้ำ) ขอท่านจงช่วยข้าด้วยเจ้าขา
บอกให้หมู่ญาติกา (ซ้ำ) ให้เขาเมตตาส่งบุญมาด้วย
ให้เขาจำศีลให้ทาน (ซ้ำ) อย่าเป็นอันธพาลทำบุญดีกว่า
แล้วอุทิศผลบุญนั้นมา (ซ้ำ) ให้แก่ผู้ข้าชื่อว่าได้ทุกข์
พวกเราไม่เคยสนุก (ซ้ำ) ข้ากูมีทุกข์เหลือเกินวา
(สร้อย) พวงเจ้าเอ๊ยจำปา ได้โปรดช่วยข้าด้วยเอย………….
พระมาลัยผู้รุ่งเรืองยศ (ซ้ำ) เสด็จปรากฏทั่วทั้งทิศา
ดุจองค์พระโมคคัลลาน์ (ซ้ำ) ที่เคยมีมาแต่บรรพกาล
พระโมคคัลลาน์ท่านนิพพานแล้ว (ซ้ำ) โอ้คุณพระแก้วท่านดับแล้วหนา
ยังแต่ก็พระมาลัย (ซ้ำ) ทุกท่านรู้ได้ว่าทรงฤทธา
ทรงเดชวิเศษรุ่งเรือง (ซ้ำ) เหนือเทพทั้งเมืองอีกทั้งมนุษา
สัตว์นรกและเปรตทั้งหลาย (ซ้ำ) ต่างก็อยากถวายดอกไม้บูชา
เพราะท่านท่องเที่ยวไปทั่ว (ซ้ำ) จึงรู้จักสัตว์ทุกตัวทั้งใต้ดินบนฟ้า
จึงนำเอาความที่รู้ (ซ้ำ) มาบอกแก่หมู่บรรดาญาติกา
เหล่าญาติในเมืองมนุษย์ (ซ้ำ) จักได้พิสูจน์รู้ทุกข์สุขหนา
(สร้อย) พวงเจ้าเอ๊ยจำปา ญาติรู้แล้วหนาทำบุญส่งไป..(จบ)
เอื่อ เออ เอิ๊ง เออ เอื่อ เออ เอิ๊ง เออ เอ่อ เอิ๊ง เอ๊ย…
———————————————————————————
พระเถระมาลัย
*****************************************
(เมื่อเช้าวันหนึ่ง/ พระเถรมาลัย)ๆ (จึงเสด็จ ๆ เข้าไป๐ เที่ยวภิกขาจาร)ๆ+
(มีมือถือบาตร/ คลุมผ้าจีวร)ๆ (เดินด้วย ๆ สังวร๐ ได้แล้วเดินมา)ๆ+*
ยังมีชายหนึ่ง* ยากจนเข็ญใจ (เก็บผัก ๆ หักไม้๐ เลี้ยงพระมารดา)ๆ+*
ลงไปสู่สระ* เพื่อเก็บผักมา (เลี้ยงพระ ๆ มารดา๐ ตามยากทรพล)ๆ+*
ชายนั้นอาบน้ำ* ชำระเหงื่อตน (เห็นดอก ๆ อุบล๐ แปดดอกโสภา)ๆ+*
ชายนั้นจึงเก็บ* เอาดอกไม้มา (ด้วยใจ ๆ ศรัทธา๐ ชื่นชมยินดี) ๆ+*
ชายนั้นเล็งเห็น* พระเถรมาลัย เดินมามาและก็แต่ไกล* สำรวมอินทรีย์+*
แลไปชั่วแอก* เห็นงามมีศรี มีอิทอิทธิฤทธี* ด้วยฌาณผ่องใส+*
ชายนั้นเล็งเห็น* พระเถรมาลัย จึงเดินเดินและก็เข้าไป* ด้วยใจกุศล+
(ชายนั้นจึงถวาย/ ดอกไม้อุบล) ๆ (ด้วยใจ ๆ กุศล๐ แก่พระมาลัย)ๆ+
(ชายนั้นจึงตั้ง/ ปณิธานไป) ๆ (นึกแต่ ๆ ในใจ๐ ข้าขอๆปรารถนา)ๆ+
(จะเอาอันใด/ ชายนั้นจึงจินดา) ๆ (จึงกล่าว ๆ คาถา๐ ตั้งปณิธาน)ๆ+*
เดชะข้าถวาย* ดอกไม้เป็นทาน (ข้าเกิด ๆ ในสถาน๐ ชาติใดภพใด)ๆ+
(แม้นได้หมื่นชาติ/ แสนชาติอันไกล) (ชื่อว่า ๆ เข็ญใจ๐ อย่าได้เกิดมี)ๆ+*
พระเถรมาลัย* รับดอกไม้มา (ดอกอุบล ๆ มีสี๐ จากชายนั้นมา) ๆ+
(ท่านจึงกระทำ/ อนุโมทนา) ๆ (จึงสวด ๆ คาถา๐ ให้จำเริญบุญ) ๆ+
(ชายนั้นจึงถวาย/ ดอกไม้อุบล) ๆ (ด้วยจิต ๆ กุศล๐ มีใจศรัทธา) ๆ+
(ครั้นเมื่อสิ้นชีพ/ แล้วมินานช้า) ๆ (จึงไปเกิดๆ บนฟ้า๐ แดนสวรรค์ศิวิลัย)ๆ+
(วิมานนั้นสวย/ แล้วด้วยดอกอุบล)ๆ (หอมกลิ่นๆ สุคนธ์๐ ขจรไปแสนไกล)ๆ+
(หอมตลบอบอวล/ ทั้งเมืองสวรรค์)ๆ (ด้วยบุญๆ อนันต์๐ ท่านให้ด้วยศรัทธา)ๆ+
(แด่พระเถรา/ นามว่าพระมาลัย)ๆ (ท่านได้ๆ โปรดสัตว์๐ ให้พ้นทุกข์ภัย)ๆ+
(ทั่วทิศแดนไกล/ พ้นภัยแผ้วพาล)ๆ (หมื่นชาติๆ แสนชาติ๐ สุดจะประมาณ)+*
บุญกุศลชายนั้น* ส่งให้ได้มา (พบพระ ๆ ศาสนา๐ พุทธะเบิกบาน)ๆ+
(ปฏิบัติไม่นาน/ สิ้นทุกข์พ้นภัย) ๆ (ห่างไกล ๆ วัฏฏะ๐ เข้าพระนิพพาน)ฯ+
* เอ๊ย เยอ , เอิง เอิง เยอ, เอิง เอิง เยอ, เออ เอิง เอิง เอิง เอิง, เอิง เยิง เยิง , เอิง เยิง เยิง, เออ.. เอ่ย
/ ชะ.. เออ , เฮอ .. เอ่ย
๐ หละ ชะ เอออ..เอิง เอ่ย
+ เฮอ เอิง..เอ่ย
———————————————————————————
เปรต
ยังมีเปรตหนึ่ง ลำบากนักหนา
เป็นเหยื่อ แร้งกา ๆ ฝูงสัตว์อยู่รุม ๆ…
สุนัขใหญ่น้อย พลอยกัดกินรุม
แร้งกา นกตะกรุม ๆ รุมจิกสับเอา ๆ…
เนื้อนั้นหมดสิ้น เหลือแต่โครงเปล่า
จิกสับ เฉี่ยวเอา ๆ ร้องครางเสียงแข็ง ๆ..
แร้งกานกตะกรุม จิกสับเอาด้วยแรง
จิกทึ้ง กวัดแกว่ง ๆ ยื้อแย่งไปมา ๆ…
มันเฉี่ยวเปรตตนนั้น ไปสู่เวหา
จิกยื้อ ไปมา ๆ ในกลางเวหน ๆ…
ฝูงเปรตหมู่นี้ เมื่อยังเป็นคน
ฆ่าสัตว์ เลี้ยงตน ๆ บ่มิอดสู ๆ…
ฆ่าเนื้อวัวควาย บ่มิได้เอ็นดู
แทงสัตว์ ให้อยู่ ๆ ดิ้นล้มจนตาย ๆ…
ฆ่าทรายเนื้อกวาง ทั้งวัวแลควาย
ฆ่าสัตว์ ทั้งหลาย ๆ ล้วนแต่สี่ตีน ๆ…
บาปตนคนฆ่าสัตว์ วัวควายเป็นอาจิณ
แร้งกา พาบิน ๆ จิกสับเฉี่ยวเอา ๆ…
บาปตนคนฆ่าเนื้อ เจ็บปวดก็ฉันใด
แร้งกา พาไป ๆ ทนเจ็บคนเดียว ๆ…
บาปตนคนแล่เนื้อ เหลือแต่โครงเปล่า
แร้งกา เฉี่ยวเอา ๆ เนื้อนั้นบินไป ๆ…
เจ็บปวดสุดจะทน แต่ตนคนอยู่เปลี่ยว
ร้องคราง คนเดียว ๆ ทนทุกข์เวทนา ๆ…
บาปตนคนฆ่าเนื้อ ให้ถึงแก่ความตาย
นกตะกรุม(มารุม) แร้งกา ๆ จิกทึ้งเนื้อตน ๆ…
ยังมีเปรตหมู่หนึ่ง เจ็บปวดสุดจะทน
เส้นขน ของตน ๆ เป็นดาบเชือดลง ๆ…
ขนนั้นงอกออกมา เต็มตัวทั่วทั้งองค์
เป็นดาบ เชือดลง ๆ ทั่วทั้งสรรพางค์ ๆ…
ทนเจ็บอยู่มิได้ ร้องไห้แล้วก็ครวญคราง
แร้งกา จิกพลาง ๆ พาขึ้นเวหน ๆ…
ร้องคราง เสียงอืออึง ทนทุกข์เวทนา
เจ็บปวด นักหนา ๆ เพียงจะวายชนม์ ๆ…
ฝูงเปรตเหล่านี้ เมื่อยังเคยเป็นคน
ใจร้ายๆ อกุศล ๆ ชอบฆ่าหมูขายๆ..(จบ)
* เอือ เอ่อ ฮะ เออ เอิง เอ๊ย.. เอ่อ เออ เอิง เออ เอิง เออ เอิง เออ เอิง เอ๊ย