ขออนุญาตใช้สิทธิ์ของพระกบฏผู้หนึ่ง ที่รับรู้ความจริงและนำมาเล่าสู่กันรู้
ใครที่โลกสวยไม่คิดจะยอมรับความจริง ก็ขออย่ามาเสียอารมณ์อ่านก็แล้วกัน
ในโอกาสครบ ๔ ปีของ คสช. ที่เข้ามาบริหารประเทศ จึงขอนำบทความเรื่องจริงที่สำนักข่าว Tnews ของผู้ใช้นามว่า อารมณ์ เคนหล้า ได้นำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ณ สโมสรทหารบกมานำเสนอ เพื่อให้คนไทยผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้รับรู้เพื่อทบทวนความทรงจำว่า การที่พวกเราได้ร่วมกันสู้ร่วมกันเสี่ยง เสียสละเพื่อบ้านเพื่อเมืองจนนำมาซึ่งรัฐบาล คสช. เข้ามาบริหารประเทศ เป็นเวลา ๔ ปีที่พวกเรารู้สึกภาคภูมิใจและไม่เคยรู้สึกเสียใจ ต่อการที่ คสช. เขาเข้ามาช่วยเราปฏิรูปประเทศ
วันนี้หลายคนอาจจะรู้สึกพอใจบ้าง ไม่พอใจบ้าง แต่ก็อยากให้ทุกคนมองประโยชน์ส่วนใหญ่ของชาติเป็นหลัก
ตราบใดที่ คสช. เขายังทำประโยชน์ให้ชาติ ประชาชนเป็นหลัก พวกเราก็ยังรู้สึกภาคภูมิใจและควรช่วยกันส่งกำลังใจให้ คสช. สามารถแก้ไขปัญหาของประเทศ และทำการปฏิรูปบ้านเมืองให้ลุล่วงตามความปรารถนาของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
แต่หากเมื่อใดที่ คสช. หลงลืมต่อการสร้างประโยชน์แก่ชาติ ประเทศแล้วหันไปทำประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง เราท่านทั้งหลายก็ต้องคอยส่งสัญญาณเตือนสติให้ คสช. จงอย่าหลงลืมคำมั่นสัญญา ที่ได้ให้ไว้แก่ประชาชน และอย่าทำให้ประชาชนผิดหวัง เสียใจ ที่เราเป็นต้นเหตุให้ คสช. เข้ามาทำร้ายประเทศ
ทีนี้เราลองมาทบทวนเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นก่อนที่ คสช. จะเข้ามาบริหารประเทศ จักได้ไม่ตกเป็นเครื่องมือให้แก่พวกชอบโกหก มาหลอกเราได้
“นาทีนี้ไม่ขอลาออก”! คำพูดที่เป็น”ฟางเส้นสุดท้าย”ของ”ชัยเกษม” 4 ปีก่อนทำให้”บิ๊กตู่”ลั่น“งั้นนาทีนี้ผมยึดอำนาจ-พวกคุณอยู่ตรงนี้อย่าไปไหน” จบ
Publish 2018-05-21 16:46:59
อารมณ์ เคนหล้า สำนักข่าว Tnews
“นาทีนี้ไม่ขอลาออก”!! คนที่เป็นคอการเมืองอย่างเหนียวแน่นคงจำคำพูดที่สุดหวงอำนาจ และเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย” ของ “ชัยเกษม นิติสิริ” รมว.ยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายรัฐบาลนารีปู และทำให้ “บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ” ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้นหมดความอดทน…ประกาศ “ยึดอำนาจ” หลังสอบถามอย่างพยายามให้โอกาสว่า รัฐบาลเพื่อไทยซึ่งถือว่าที่หมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศไปแล้ว เหตุที่ตัวนายกฯ “นารีปู” ซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาล ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง จากการที่เธอโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนสี เลขาฯ สมช. มิชอบจะยอมลาออกจากการเป็นรัฐบาลหรือไม่…แล้วคำตอบที่ได้รับจากอดีตอัยการสูงสุดผู้พันตัวมาเป็น…นักการเมืองระบอบทักษิณ…ก็ทำให้ความอดทนอดกลั้นนั้นขาดผึงอย่างที่บอก…นาทีต่อมานั้น…”บิ๊กตู่” ประกาศยึดอำนาจ…ปิดฉาก “รัฐบาลหนูไม่รู้” แบบโทษใครไม่ได้เลยจริง ๆ
ความจริงหากไม่นับถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างที่กล่าว รัฐบาลนารีปูก็แทบจะหมดความชอบธรรมไปพักหนึ่งแล้ว เหตุถูกรุกไล่อย่างหนักจากเครือข่ายประชาชนที่เรียกตัวเองว่า “กปปส.” เหตุที่่รัฐบาลของเธอลักหลับตอนตี 4 ออก “พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย” หวังฟอกผิดช่วย “พี่แม้ว” เรื่องนี้ถูกเครือข่ายภาคประชาชนทั่วประเทศ (ยกเว้นชาวเสื้อแดงที่เป็นลิ่วล้อของเธอ) พากันลงสู่ถนน เพื่อไล่รัฐบาลที่ทรยศ-ไม่เห็นหัวประชาชน จนแม้แต่ตัวนายกฯ นอมินี “หนูปู” ยังระเห็จหนีหนี้ชาวนาไปเป็นเดือน ๆ กระนั้นเมื่อกองทัพนำโดย “บิ๊กตู่” พยายามเรียกทุกฝ่ายที่ขัดแย้งกันทางความคิดมาพูดคุยเพื่อหาทางออก แต่ “ชัยเกษม” กลับพ่นประโยคดังกล่าวออกมาแบบนักการเมืองที่หวงแหนอำนาจ…นั่นจึงเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ “บิ๊กตู่” ประกาศกร้าวในนาทีต่อมาว่า “ถ้างั้นตั้งแต่นาทีนี้ ผมตัดสินใจยึดอำนาจการปกครอง พวกคุณอยู่ตรงนี้ อย่าไปไหน” ตอนนั้นเป็นเวลา 16.32 น. ของวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 หรือเมื่อ 4 ปีก่อน ไม่ขาดไม่เกิน
อย่างที่บอกความจริง รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ หมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศ ตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 วรรคหนึ่ง (7) ประกอบมาตรา 268 หรือไม่ จากกรณีแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไม่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมปีเดียวกันแล้ว
แต่รัฐบาลเพื่อไทยก็พยายามทู่ซี้อยู่ในอำนาจ ทั้งที่ไม่อาจบริหารราชการบ้านเมืองได้เลย เพราะติดขัดทั้งข้อกฎหมายของการเป็นรัฐบาลรักษาการ หลัง “นารีปู” ประกาศยุบสภาเมื่อปลายปี 2556 ขณะถูกเครือข่ายภาคประชาชนที่เรียกตัวเองว่า “กปปส.” จากทั่วประเทศรุกไล่อย่างหนัก หลังรัฐบาลของเธอไม่เห็นหัวประชาชนออก “พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบสุดซอย” หวังฟอกผิดช่วย “พี่แม้ว”
ดังนั้น…การที่ฝ่ายเสื้อแดง และเพื่อไทยอ้างว่า “หญิงปู” ตกจากอำนาจเพราะโดนรัฐประหาร จึงเป็นเพียงเรื่องมดเท็จ…หลอกคนโง่…เพราะเธอกระเด็นจากเก้าอี้เพราะใช้อำนาจทางมิชอบมาก่อนแล้ว
ย้อนกลับมาเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 หรือเมื่อ 4 ปีก่อน เสี้ยววินาทีก่อนการยึดอำนาจของ คสช. แหล่งข่าวระดับสูงจากที่ประชุมกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) สโมสรกองทัพบก เปิดเผยว่า เมื่อการประชุมในวันนั้นซึ่งเป็นการประชุมวันที่ 2 เริ่มขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปิดโอกาสให้แต่ละฝ่ายซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง ได้เสนอแนวทางตามที่ได้ให้การบ้านไปก่อนหน้านี้ โดยแต่ละฝ่ายก็ยังคงนำเสนอแนวทางในมุมของตัวเองซึ่งเห็นว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดของประเทศแล้ว เมื่อแต่ละฝ่ายไม่มีจุดร่วมที่ตรงกัน พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอพักการประชุม และเชิญแกนนำฝ่าย นปช. และ กปปส. ไปหารือร่วมกันอีกห้องหนึ่ง ประมาณ 45 นาที เมื่อกลับมาที่วงหารือแล้วก็ยังได้เชิญเฉพาะ นายจตุพร พรหมพันธ์ ประธานนปช. และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. ไปพูดคุยกันส่วนตัวประมาณ 1 นาที ก่อนที่จะกลับมาที่วงหารือ
หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ ได้สอบถาม นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรมในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายรัฐบาลว่า ตกลงรัฐบาลยืนยันจะไม่ลาออกทั้งรายบุคคล และทั้งคณะใช่หรือไม่ ซึ่งนายชัยเกษม ระบุว่า “นาทีนี้ไม่ลาออก”
เหมือนฟางเส้นสุดท้ายจริง ๆ เมื่อชัยเกษมพูดจบ พล.อ.ประยุทธ์ ลั่นออกมาทันทีว่า “ถ้างั้นตั้งแต่นาทีนี้ ผมตัดสินใจยึดอำนาจการปกครอง พวกคุณอยู่ตรงนี้ อย่าไปไหน” จากนั้นก็ได้เชิญ ตัวแทน ส.ว. และ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกจากที่ประชุม โดยไม่มีการควบคุมตัวไว้แต่ขอให้ยังอยู่ในพื้นที่สโมสรทหารบกเพื่อรอเคลียร์บุคคลไม่เกี่ยวข้องให้ออกจากพื้นที่ก่อน ส่วนตัวแทนจากฝ่ายอื่นๆ ก็ได้ถูกควบคุมตัวไปยังสถานที่หนึ่ง
นาฬิกาที่ข้อมือของบางคน ระบุว่า ตอนนั้นเป็นเวลา 16.32 น. ของวันที่ 22 พ.ค. อย่างไรก็ตาม บางคนยังไม่รู้สึกอะไร เพราะคิดว่า ผบ.ทบ.พูดเล่น จน “บิ๊กตู่” ย้ำว่า “พวกคุณอยู่ตรงนี้ อย่าไปไหน” และมีทหารพร้อมอาวุธครบมือเดินเข้ามาในห้องประชุม เพื่อควบคุมตัวทุกคนไว้ นั่นแหละทุกคนจริงรู้ว่า “เรื่องจริง” เหตุเพราะคำพูดปากดี และการหวงแหนอำนาจแบบคิดว่า…ประเทศนี้มีแต่ “เพื่อไทย” เป็นผู้กำหนด…และเป็นจุดจบของรัฐบาลนอมินี “หญิงปู” อย่างสิ้นเชิง
พุทธะอิสระ
