ขยายความหยิบมาเล่า ครั้งที่ ๒ กันซะหน่อย

0
70

ความเดิมตอนที่แล้ว ได้หยิบมาเล่าถึง ตอนออกเดินทางไปสำรวจพื้นที่ ที่จัดตั้งเวที ณ จุดหน้าอาคาร ดี เอส ไอ สำนักงานใหญ่

ซึ่งได้ทราบว่า กลายเป็นอาคารที่ปิด ไม่มีเจ้าหน้าที่ ดี เอส ไอ ทำงานอยู่แล้ว

อีกทั้งยังได้เล่าเรื่องการ ขึ้นไปทำพิธีพลีกรรม ต่อเทพยาดา อารักษ์ ที่ท่านทำหน้าที่ ปกป้องรักษา คนตระกูลชินให้ได้รับรู้ถึงเวรกรรม ความเดือดร้อน ที่ รัฐบาลของคนตระกูลนี้ ได้กระทำไว้ต่อแผ่นดินไทย

เทพเทวา ทั้งหลาย ผู้มีสัมมาทิฐิ จักได้ระงับเสียซึ่ง การอภิบาลรักษา ต่อรัฐบาลตระกูลนี้

ไม่เช่นนั้น เทพเทวาเหล่านั้น จักประสพพบกับบาปเคราะห์กรรม ที่สุดแสนสาหัส

เมื่อได้หยิบเรื่องนี้มาเล่า ก็มีบรรดาแฟนคลับสอบถามเข้ามาว่าทำไมต้องทำพิธีพลีกรรมบอกกล่าวเทพเทวดาก่อนที่จะออกศึกด้วย

ตอบง่ายๆด้วยหลักคิดที่ว่า จะตีหมา ก็ต้องเกรงใจเจ้าของหมาด้วย

และด้วยความเชื่อที่ว่ามนุษย์ ล้วนมีเทวดาคุ้มครองซึ่งเทพเทวดาเหล่านั้นในอดีตล้วนเคยเป็นญาติเป็นผู้รับการอุปถัมภ์และเคยเป็นบริวารแก่คนผู้นั้นมาก่อน

เมื่อเราจักทำกรรมใดๆกับเขา ผู้รู้ท่านจึงให้ทำพลีกรรม ขอขมา ขออนุญาต หรือบอกกล่าวแก่ เทพเทวาเหล่านั้นให้ได้รับรู้จักได้เปิดทางให้เรากระทำการได้อย่างสะดวก

ซึ่งก็ถือว่าเป็นการแสดงความเคารพต่อเทพอุปถัมภ์เหล่านั้นไปในทีด้วย นี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องทำพลีกรรมบอกกล่าวเทวดาก่อนออกรบ

ทีนี้มาขยายความว่า แล้วมนุษย์ขี้โกง มนุษย์ที่ทำผิด มนุษย์ที่ละเมิดศีลแบบนี้ ยังจักมีเทวดาอภิบาลบำรุงรักษา อยู่หรือไม่

ตอบว่า การได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้น ถือว่ามีต้นทุนบุญกุศล มาแต่เก่าก่อนแล้ว เค้าจึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้ ฉะนั้นเทวดาที่อดีตเคยเป็นญาติ ก็จักเข้ามาอุปถัมภ์ บำรุงดูแลอยู่แล้ว

ถามว่า แล้วเหล่าเทวดาท่านจักได้อะไร

ตอบว่า ก็ได้ผลบุญ คุณงามความดี ผลของทาน ศีล สมาธิ ภาวนา จากมนุษย์คนนั้นๆ ที่อุทิศให้เป็นเครื่องตอบแทน

แต่ถ้ามนุษย์คนนั้นเป็นผู้ทุศีล ชั่วร้าย เลวทราม หยาบช้า เหล่าเทวดา ผู้อุปถัมภ์ ที่มีสัมมาทิฐิ ก็จักหนีห่างไป

เว้นเสียแต่เทวดาที่มีมิจฉาทิฐิ เท่านั้น ที่ยังมัวเมา หลงอภิบาลรักษาคนชั่วนั้นอยู่

พุทธะอิสระ