จะปราบโจรก็ต้องวิธีของมหาโจร จะปราบอลัชชีก็ต้องใช้วิธีของพระป่า

0
496

แหม… พอเสนอแนวคิดในกรณีจัดการกับลัทธิทำจนตัวตาย แบบวิธีโบราณว่า จะปราบโจรก็ต้องใช้วิธีของมหาโจร ก็มีบรรดาลิ่วล้อของลัทธิทำจนตัวตายและพวกโลกสวยออกมาดราม่า ตำหนิติว่าพุทธะอิสระ กล่าวหาว่าไม่สำรวม ไม่มีเมตตา ขาดสมณสารูป

ก็โอนะ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าพวกที่มาตำหนิติว่าส่วนใหญ่ก็เป็นพวกขาประจำ ที่ไม่เคยชอบขี้หน้าพุทธะอิสระอยู่แล้ว ต่อให้คิดดีทำดีพูดดีแค่ไหน คนพวกนี้ก็ยังมองฉันว่าเลวอยู่ดี พุทธะอิสระเลยไม่ได้รู้สึกอะไรในคำตำหนิติด่าตลอดเวลาร่วม ๓ ปีที่ผ่านมา

ขอแค่ให้มีกำลังกาย กำลังใจ ก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อให้ประโยชน์แก่ชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น พุทธะอิสระก็พึงพอใจแล้ว ยิ่งมีเสียงตำหนิติด่า พุทธะอิสระยิ่งต้องเร่งรีบรวบรัดให้ทุกอย่างที่เป็นภารกิจจบให้เรียบร้อย

ส่วนเรื่องที่พุทธะอิสระมองว่าผู้ที่อยู่ในสำนักลัทธิทำจนตัวตายเป็นโจร ก็เพราะพวกเขามีพฤติกรรมทำให้น่าสงสัยว่าเป็นโจร ดังต่อไปนี้

๑. กลัวความจริง
๒. กลัวกฎหมาย
๓. กลัวไม่กล้าให้ชาวบ้านเห็นหน้า
๔. กลัวเจ้าหน้าที่
๕. กลัวการตรวจสอบพิสูจน์ทราบ
๖. กลัวกระบวนการยุติธรรมที่ซื้อไม่ได้
๗. กลัวการถ่ายรูป
๘. และโกหกจนเป็นนิสัย ดังคำที่ว่า ไม่มีสัจจะในหมู่โจร

แม้ในวินัยปิฎก มหาวิภังค์ องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงยกเรื่องมหาโจร ๕ จำพวก และในจำพวกที่ ๕ ทรงตรัสว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้กล่าวอวดอุตริมนุสธรรม อันไม่มีอยู่ อันไม่เป็นจริง นี้จัดเป็นยอดมหาโจร ทั้งในโลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย ข้อนี้เพราเหตุไร ด้วยเพราะภิกษุนั้นฉันก้อนข้าวของชาวบ้านชาวเมือง ดุจดังอาการแห่งคนขโมย

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ล้วนมีอยู่ในลัทธิทำจนตัวตาย จึงสมควรเรียกคนพวกนี้ว่าโจร ผู้ปล้นสะดมพระธรรมวินัย และขโมยศรัทธาของชาวบ้าน เพื่อความอยู่รอดของตนเท่านั้น

ทีนี้เก็ทหรือยังล่ะพวกโลกสวย

พุทธะอิสระ